โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มีกำลังผลิตราว 2,220 เมกะวัตต์ เป็นอีกโรงไฟฟ้าหนึ่งที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กำลังจะเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อสอดรับกับเป้าหมายของประเทศที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065
นอกเหนือจากการศึกษาความเหมาะสมโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ที่ผลิตจากถ่านหินแม่เมาะคุณภาพตํ่า ที่มีปริมาณแคลเซียมออกไซด์สูงร่วมกับเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ซึ่งมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าระบบผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่ใช้ในปัจจุบันกว่าเท่าตัว ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ที่จะพัฒนาขึ้นมาในอนาคตในพื้นที่แม่เมาะหรือแอ่งลำปางแล้ว
หนึ่งในแนวทางเพื่อให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ยังสามารถสร้างความมั่นคงไฟฟ้าให้กับประเทศต่อไปในอนาคตภายใต้เป้าหมายดังกล่าว พลังงานชีวมวลนับเป็นอีกพลังงานทางเลือกหนึ่งที่ กฟผ. กำลังศึกษานำชีวมวลไปผสมร่วมกับการใช้ถ่านหินลิกไนต์ที่โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ
โครงการผลิตและจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลในการผสมร่วมกับถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ (Biomass Co-firing) เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยกฟผ. ได้ศึกษาการนำเชื้อเพลิงชีวมวลผสมกับถ่านหินลิกไนต์ในการเผาไหม้ในสัดส่วน 2% และมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 5% โดยโรงไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอุปกรณ์ในการเผาไหม้ และตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะ 1 เครื่อง ขนาดกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ ให้เป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องด้วยเชื้อเพลิงชีวมวล 100%
กฟผ. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วนงานราชการ สถาบันการศึกษา และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. สำรวจและศึกษาพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานชีวมวลที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาย้อนกลับได้ว่าไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า ขณะเดียวกันได้ทำการศึกษาการปรับปรุงอุปกรณ์โรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อรองรับเชื้อเพลิงชีวมวลในกรณีที่เกินกว่า 5% ร่วมกับพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐ หลังจากการประกาศแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ที่เดินหน้าพัฒนาพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง จะเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลมีอนาคตที่สดใส ซึ่ง กฟผ. จะนำข้อมูลเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความเห็นชอบให้ดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์โรงไฟฟ้า รวมถึงดำเนินการผลิตและจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลต่อไป
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การนำชีวมวลอัดแท่งหรือ Wood Pellets มาผสมใช้กับถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าที่เป็น Coal Firing ขนาดกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ โดยไม่ต้องมีการปรับปรุงอุปกรณ์ ซึ่งมีการทดลองเดินเครื่องมาแล้วกว่า 1 ปี ในสัดส่วนของชีวมวลอัดแท่งเริ่มต้นที่ 2% และเพิ่มเป็น 5% หรือใช้ไปประมาณ 3,000 ตัน
โรงไฟฟ้าแม่เมาะ มีแผนในปี 2569 จะมีการเพิ่มสัดส่วนของ wood pallets เพิ่มขึ้นที่ 15% ที่อาจจะต้องมีการปรับปรุงอุปกรณ์บางอย่าง และจะต้องใช้ wood pallets ประมาณ 200,000 ตันต่อปี ส่งป้อนอย่างสมํ่าเสมอ ทำให้ต้องมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆและบริษัทลูก ในการหาพื้นที่ปลูกไม้โตเร็ว และมีต้นทุนที่เหมาะสม มีระยะทางขนส่งที่ไม่ไกลมากจากโรงไฟฟ้า ไม่แย่งพื้นที่ปลูกพืชอาหารและเศรษฐกิจอื่น ๆ ไม่เป็นการไปตัดไม้ทำลายป่า ที่สำคัญคือสร้างรายได้และประโยชน์ด้านอื่นๆให้กับชุมชน
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าเชื้อเพลิง และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการให้ภาครัฐตัดสินใจในอนาคตที่จะยังคงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าหลักในการรักษาเสถียรภาพความมั่นคงไฟฟ้า สอดรับกับการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของประเทศต่อไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง