ตลอดปี 2566 บริษัทได้เดินหน้าการลงทุนต่อเนื่อง ส่วนการขยับตัวนับจากนี้และในปี 2567 จะเป็นอย่างไรนั้น นางสาวปณิตา ควรสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ AGE เจเนอเรชั่น ที่ 2 ของ AGE ได้เปิดมุมมองถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจธุรกิจหลักคือถ่านหิน และทิศทางธุรกิจอื่นๆ ในปี 2567 ผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ” ไว้อย่างน่าสนใจ
นางสาวปณิตา กล่าวว่า AGE มีธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจถ่านหิน , ธุรกิจโลจิสติกส์ ,ธุรกิจพลังงานยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าคือ เชื้อเพลิง RDF (ผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ) และธุรกิจ Diversified คือธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ รถบรรทุก ปัจจุบัน รายได้จากธุรกิจถ่านหิน ยังคงมีสัดส่วนอยู่ที่ 94.9% ของรายได้รวม และโลจิสติกส์ 4.8% โดยธุรกิจถ่านหิน AGE เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปีหน้าตั้งเป้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในส่วนโลจิสติกส์ เพื่อพัฒนาการให้บริการลูกค้า
สำหรับแผนขยายธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ 1. ธุรกิจโลจิสติกส์ ในปี 2566 มีการลงทุนรถบรรทุกเพิ่ม ทำให้ปัจจุบันมีรถบรรทุก 104 พ่วง และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการให้บริการลูกค้าภายนอกเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีแผนที่จะลงทุนระบบไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรถบรรทุก และการให้บริการลูกค้า คาดจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
2.ธุรกิจ sustainable energy ช่วงกลางปีที่ผ่านมา AGE ได้เข้าซื้อหุ้น บมจ. QTC จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่า 320 ล้านบาท ในสัดส่วน 23.5% โดยบริษัทมองว่า QTC อยู่ในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ธุรกิจขายแผงโซลาร์, อุปกรณ์อีวี และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม เป็นการ diversify การลงทุนจากธุรกิจหลักซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจพลังงานความร้อน สู่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งบริษัทย่อย Green RDF เพื่อผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ ตั้งเป้าการผลิตเชื้อเพลิง RDF หรือเชื้อเพลิงขยะจำนวน 3,000 ตันต่อเดือน คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตใน ปี 2567
3.ธุรกิจ Diversified ที่ AGE ได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ เอจีอี ลิสซิ่ง เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากรถบรรทุก โดยตั้งเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อในปี2566 จำนวน 250 ล้านบาท ผ่านโครงการเถ้าแก่น้อย ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสานฝันพนักงานขับรถของบริษัทฯ ให้ได้เป็นเจ้าของรถ และการปล่อยสินเชื่อให้กับพันธมิตรของบริษัท ปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกผ่านโครงการเถ้าแก่น้อย จำนวน 19 ราย ในอนาคตจะขยายการให้บริการไปยังบุคคลภายนอก ทั้งในส่วนของการเช่าซื้อและจำนำ ผ่าน Dealer และ Direct sales
สำหรับปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขายถ่านหินปี 2567 ที่ 4.5 ล้านตัน จากที่เป้าปริมาณการขายถ่านหินปี 2566 อยู่ที่ 4 ล้านตันโดยภาพรวมรายได้ยังมาจากธุรกิจถ่านหินเป็นหลัก สัดส่วน 90-95% จากรายได้รวม
“ราคาถ่านหินโลกได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวของความต้องการนำเข้าถ่านหินในจีน และอินเดีย จากการผลิตถ่านหินในประเทศที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในจีน อย่างไรก็ตามคาดว่าสถาน การณ์ภาคการก่อสร้างในจีนจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปีหน้า และอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้ความต้องการนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว”
สอดคล้องกับในปีหน้า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์การใช้ถ่านหินของภูมิภาคเอเชียจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ชดเชยกับการใช้ถ่านหินที่ลดลงของยุโรปและอเมริกา คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ถ่านหินของโลกในปีหน้าจะมีปริมาณ 8.38 จิกะตัน (Gt) ใกล้เคียงกับของปีนี้ (2023) และปี 2022 ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงที่สุด และมีการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าในปี 2024 จะลดลง (-1%) แต่จะแทนที่ด้วยความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สำหรับลูกค้าของ AGE ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 260-300 ราย โดยธุรกิจถ่านหิน กลุ่มลูกค้าหลักจากในประเทศ เช่น โรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สิ่งทอ อาหาร และมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ในโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ เป็นต้น
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ให้บริการขนส่งครบวงจร แก่สินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม สามารถขนส่งสินค้าได้ครอบคลุมสินค้าเทกอง ปูนซีเมนต์ แร่ยิปซั่ม สินค้าทางการเกษตร เชื้อเพลิงถ่านหิน และเชื้อเพลิงชีวมวล เป็นต้น
นางสาวปณิตา กล่าวถึง แผนการปรับตัวเพื่อลดโลกร้อนของ AGE ว่า มีแผนที่จะทำเรื่อง carbon footprint องค์กร คาดจะเสร็จช่วงปีหน้า ปัจจุบันกระบวนการดำเนินการของบริษัท มีการใช้ไฟฟ้าในสำนักงาน และคลังสินค้า และมีการใช้นํ้ามันในรถขนส่ง และเครื่องมือหนักในคลังสินค้า และท่าเรือ โดยมีการติดตั้ง Solar Roof บนหลังคาโกดังคัดแยกสินค้า ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาด 554 kWh สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภทที่ 2 ได้ 380 tonCO2eq/ปี ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึงปีละ 2.6 ล้านบาท และมีการเริ่มทดลองใช้เครื่องมือหนักซึ่งเป็น EV และ รถบรรทุก EV
“ธุรกิจของ AGE เป็นธุรกิจพลังงาน ความต้องการปรับตัวขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ ความเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานคือการพึ่งพาถ่านหินซึ่งเป็นสินค้าหลัก ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในธุรกิจที่กระจายความเสี่ยงจากธุรกิจถ่านหิน เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร, ธุรกิจเชื้อเพลิง RDF และมีการเข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ทั้งนี้ประเมินว่าปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดียังต้องจับตาผลกระทบจากสงครามในตะวันออกกลางควบคู่ไปด้วย” นางสาวปณิตา กล่าว