"กนอ." โรดโชว์ ญี่ปุ่น ดูดทุน "EV" สถานีต่อไปอเมริกา

10 ก.ค. 2566 | 01:34 น.

นักลงทุนญี่ปุ่นยังเป็นเบอร์ 1 ที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทยมากที่สุด ข้อมูล ณ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 1,951 ราย มีมูลค่าการลงทุนรวม 3.1 ล้านล้านบาท จากมูลค่าการลงทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 12 ล้านล้านบาท

ซึ่งสัดส่วนกว่า 70% ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC)

เพื่อดึงการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาในไทยมากขึ้น ระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายนที่ผ่านมา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้จัดโรดโชว์เพื่อโชว์ศักยภาพความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากญี่ปุ่น ณ เมืองนาโกย่า โดยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. ได้นำทัพผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมจากกว่า 10 นิคมอุตสาหกรรมของไทยรวมทีมเดินทาง

เล็งดึงลงทุน EV-อิเล็กฯ-เหล็ก

นายวีริศ เผยว่า เหตุผลที่เลือกมาที่เมืองนาโกย่า เนื่องจากเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 3 ของญี่ปุ่น โดยได้มีการจัดกิจกรรมสำคัญคือ การจัดสัมมนาส่งเสริมการลงทุนในหัวข้อ “Manufacturing Game Changers! It’s Time for Thailand” และออกบูธของนิคมอุตสาหกรรมไทย โดยมีการบรรยายเพื่อนำเสนอข้อมูลปัจจุบันของพื้นที่การลงทุนในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี กนอ. ให้ความสำคัญกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต(New S-Curve) เน้นชักจูงอุตสาหกรรมสำคัญของนาโกย่ามาลงทุนในไทยได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่บริษัทญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ

นอกจากนี้คณะของ กนอ. ยังมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมผู้ประกอบการรายใหม่ ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ได้เข้ามาประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ในจังหวัดไอจิ 4 บริษัท โดยเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และโลหะ มีที่ตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในโครงการ 2, โครงการ 3 และโครงการ 5 ซึ่งในการโรดโชว์ครั้งนี้คาดจะดึงการลงทุนเข้าไทยได้ไม่ตํ่ากว่า 3,700 ล้านบาท

โชว์ศักยภาพนิคมฯไทย

นายวีริศ กล่าวอีกว่า การโรดโชว์ครั้งนี้ได้แสดงศักยภาพความพร้อมรองรับการลงทุนของนิคมอุตสาหกรรมไทย โดย กนอ.ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ นอกจากนี้ยังเชิญผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมที่ร่วมดำเนินการกับ กนอ.เข้าร่วม ประกอบด้วย นิคมฯอมตะซิตี้ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง, ดับบลิวเอชเอฯ, เอเชียสุวรรณภูมิ, แพรกษาฯ, โรจนะ, แหลมฉบัง, เอส อ่างทอง, เอเชีย คลีนฯ ชลบุรี, เอ็กโก ระยอง, เกตเวย์ซิตี้ และอุบลราชธานี

สำหรับการโรดโชว์ครั้งนี้เป็นทริปสุดท้ายที่มาที่ญี่ปุ่น หลังได้โรดโชว์ที่โตเกียว โอซาก้า และในประเทศอื่นในเอเชียแล้วได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ โดยเร็ว ๆ นี้จะมีโรดโชว์สุดท้ายสำหรับเอเชียในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาประเทศปลายทางอีกครั้ง ส่วนโรดโชว์พื้นที่อื่น อาทิ สหรัฐอเมริกา กำลังให้ทีมพิจารณา ส่วนยุโรปยังไม่มีแผนแต่มีนักลงทุนยุโรปสนใจเข้าดูพื้นที่ต่อเนื่อง

ลุยพลังงานสะอาดรับลงทุน

นายวีริศ กล่าวอีกว่า กนอ.มีแผนผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยนํ้า (Solar Floating) ในพื้นที่อ่างเก็บนํ้าสำรอง แต่ยังติดปัญหาเรื่องการเชื่อมระบบการจ่ายไฟ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)อีกทั้ง กนอ.ยังมีแผนพัฒนาพลังงานสะอาด เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ และพลังงานจากลม ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากนอกนิคมอุตสาหกรรม กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

“การส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคนั้น ต้องยกระดับอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีความโดดเด่น ควบคู่ไปกับการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่ไทยมีศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งของซัพพลายเชน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น ปัจจุบันนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับมาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ CBAM”ผู้ว่าฯ กนอ.กล่าวทิ้งท้าย