เทคโนโลยีสีเขียว หรือ Green IT นับเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก หลังจากคนส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับการรักษา และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวคิดในการบริหารจัดการ และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการใช้พลังงาน ลดการใช้พลังงาน
รวมไปถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการสร้างขยะ รวมถึงการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ กลับมารีไซเคิลใหม่ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม และโลกของเรา
ไม่นานมานี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก. นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ “เทคโนโลยีสีเขียว” โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว AFP เปิดเผยรายงานขององค์กรการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) ถึงแนวโน้มการลงทุนเทคโนโลยีนวัตกรรมสีเขียวสรุปได้ดังนี้
เทคโนโลยีสีเขียว พุ่ง 9.5 ล้านล้านดอลลาร์
UNCTAD ประเมินว่า เทคโนโลยีอนาคตด้านนวัตกรรมสีเขียวที่สำคัญ 17 รายการ สามารถสร้างตลาดที่มีมูลค่ามากกว่า 9.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563
โดยเทคโนโลยีสีเขียวที่ว่านี้ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ รถยนต์ไฟฟ้า ไฮโดรเจนสีเขียว เชื้อเพลิงชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี 5G, การตัดต่อยีน วิทยาการหุ่นยนต์ การพิมพ์ 3 มิติ พลังงานลม และบล็อกเชน สามารถใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ ในลักษณะที่ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) น้อยลง ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาและจีน กำลังครองพื้นที่เหล่านี้ โดยมีสิทธิบัตรรวมกัน 70%
ประเทศที่พัฒนาแล้วมีความพร้อมในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ทั้ง สหรัฐอเมริกา สวีเดน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ และประเทศกำลังพัฒนาอย่างกลุ่มประเทศ BRICS (รัสเซียอยู่ในอันดับที่ 31 จีนอันดับที่ 35 บราซิลอันดับที่ 40 อินเดียอันดับที่ 46 และแอฟริกาใต้อันดับที่ 56)
หากย้อนไปเมื่อปี 2561 มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในปี 2564 เพิ่มขึ้นมามากกว่า 156,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การส่งออกจากประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงจีน ก็เพิ่มขึ้นจาก 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ทางตรงกันข้ามในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งการส่งออกทั่วโลกของประเทศกำลังพัฒนาลดลงจากกว่า 48% เหลือต่ำกว่า 33% เนื่องจากต่างมีข้อจำกัดการลงทุน จึงเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ในเทคโนโลยีนี้ได้ยากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ประเทศกำลังพัฒนาต้องเร่งมือ
ข้อมูลของ UNCTAD ยังได้ตั้งข้อสังเกตสำคัญถึงกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาว่า ประเทศเหล่านี้อาจต้องดิ้นรนเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีที่สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวไปยังประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ระบบการค้าการลงทุน ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับความตกลงปารีส ซึ่งให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
รวมถึงข้อตกลงการค้าที่ช่วยเหลือการปกป้องอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งผ่านการตั้งกำแพงภาษี รวมทั้งการอุดหนุน และการจัดซื้อจัดจ้างโดยหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ ให้สอดรับกับสัญญาประชาคมระหว่างประเทศด้านสภาพภูมิอากาศโลกอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง