"บีซีพีจี" ทุ่ม 9 พันล.ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกำลังผลิต 426 เมกฯ

03 เม.ย. 2566 | 03:04 น.

"บีซีพีจี" ทุ่ม 9 พันล.ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกำลังผลิต 426 เมกะวัตต์ในสหรัฐอเมริกา 2 โครงการ มุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด หนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า BCPG USA Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา 

ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีพีเจเอ็ม (PJM) ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และครอบคลุมการขายไฟฟ้ากว่า 13 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา  โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้เงิน 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,919 ล้านบาท คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 426 เมกะวัตต์ 

ทั้งนี้ BCPG USA Inc ได้ซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า จำนวน 2  โครงการ ได้แก่ 

  • โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ (ลิเบอร์ตี้) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 848 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ เขตอไซลัม (Asylum) รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการเข้าซื้อหุ้น 25% ของฮามิลตั้น โฮลดิ้ง ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าลิเบอร์ตี้ทางอ้อม ในสัดส่วน 25% การลงทุนดังกล่าวคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 212เมกะวัตต์ 
  • โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น เพทรีออต (เพทรีออต) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 857 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ เขตคลินตัน (Clinton) รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการเข้าซื้อหุ้น 25% ของฮามิลตั้น โฮลดิ้ง ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าเพทรีออตทางอ้อม ในสัดส่วน 25% การลงทุนดังกล่าวคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 214 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ดี เมื่อรวมกับการเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้บีซีพีจีมีกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริการวม 577 เมกะวัตต์ โดยการเข้าลงทุนครั้งดังกล่าวนี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติดังกล่าวเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2559 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันทีภายหลังจากการเข้าลงทุน

นายนิวัติ กล่าวอีกว่า โรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการมีความได้เปรียบสูงในการแข่งขันเพื่อประมูลขายไฟฟ้าในตลาดไฟฟ้าเสรี PJM ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติอื่นในตลาด 

เรียกว่าเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติที่ใช้เทคโนโลยี พลังงานความร้อนร่วม Combined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กังหันก๊าซและกังหันไอน้ำร่วมกันเพื่อผลิตไฟฟ้า ทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ 

และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้า อยู่ใกล้แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (Marcellus Shale Gas) ทำให้เข้าถึงก๊าซธรรมชาติได้ในราคาต่ำกว่าภูมิภาคอื่นของประเทศ 

“บีซีพีจี มุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด การลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าของประชาชนอย่างเพียงพอ ช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้กับโลก”