ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัท ในปี 2566 ได้ตั้งเป้าทิศทางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจใช้กลยุทธ์ 3 Steps Plus : Step Change, Step Out, Step Up โดยเฉพาะการมุ่งสู่เป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขต 1 และ 2) ให้ได้ 20 % ภายในปี 2573 และมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero
รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 3 ให้ได้ 50 % ในปี 2593 ภายใต้กรอบการดำเนินงาน Low Carbon Transition ได้แก่ Efficiency-driven ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหลากหลายโครงการ และโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น
Portfolio-driven : เดินหน้าปรับสัดส่วนธุรกิจมุ่งสู่ธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม High Value Business (HVB) และธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้าง Synergy (Leverage Synergy) ให้เกิดมูลค่าสูงสุดจากธุรกิจ ตลาด และเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการ
Compensation-driven : ดำเนินโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างสมดุลของระบบนิเวศของป่าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคมรวมถึงชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 บนพื้นที่รวมกว่า 2,500 ไร่ อาทิ โครงการปลูกป่านิเวศระยองวนารมย์ จำนวน 80 ไร่ ตามหลักการ Eco Forest และสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) ในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่าง ๆ เช่น Chemical Polymer และ Ingredient เป็นต้น ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 200,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
ดร.คงกระพัน กล่าวอีกว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 5 ปี (2566-2570) อยู่ที่ 793 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 27,430 ล้านบาท โดยใช้ลงทุนในโครงการปรับปรุงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ประมาณ 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โครงการของกลุ่ม บริษัท allnex Holding GmbH ที่ PTTGC ซื้อกิจการมา ประมาณ 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และโครงการอื่นๆ เช่น โครงการเกี่ยวกับไอที & ดิจิทัล, โครงการปรับปรุงอาคารสำนักงาน, โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต อีกประมาณ 269 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาปี 2564-2565 GC Group ได้ลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือยนกระจกผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Maptaphut Integration (MTPi) ขับเคลื่อนการบริหารจัดการพลังงานและระบบสาธารณูปโภคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โครงการอนุรักษ์พลังงาน ช่วยลดการใช้พลังงานเทียบเท่าการลดคาร์บอนไดออกไซด์ 80,280 ตัน การใช้พลังงานทดแทน เช่น โครงการ Solar Rooftop และ Solar Floating สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 480 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อวัน ลดปริมาณการใช้นํ้าจืดจากแหล่งนํ้าธรรมชาติมาใช้ในกระบวนการผลิต 2.97 ล้านลูกบาศก์เมตร (5 % ของการใช้นํ้าทั้งหมด)
ต่อยอดขยายผล YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ร่วมกับภาคีพันธมิตรนำขยะพลาสติกกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและอัพไซคลิง จำนวน 310 ตัน โรงงาน ENVICCO ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ระดับ Food Grade มาตรฐานระดับโลก ที่เริ่มผลิตตั้งแต่กันยายน 2565 เป็นต้นมา จะช่วยลดพลาสติกใช้แล้วในประเทศได้ถึง 60,000 ตันต่อปี การลงทุนในบริษัท allnex ด้านการผลิตสารเคลือบและสารเติมแต่งที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม และการปลูกและฟื้นฟูป่า สำหรับการชดเชยคาร์บอน
รวมทั้ง บริษัทฯ มีการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บพลังงานโดยใช้แบตเตอรี่ศักยภาพสูง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีพลังงานสะอาด โดยบริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัท ESS inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange (NYSE) ภายใต้ชื่อย่อ GWH
สำหรับในปี 2566 จะมีโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) ซึ่งจะทำให้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของ GC ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่าเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566
โครงการก่อสร้างโรงงานไบโอพลาสติก PLA แห่งที่ 2 กำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ของบริษัท NatureWorks ที่จังหวัดนครสวรรค์ มูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2567
โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง ที่ได้ร่วมทุนร่วมทุนได้แก่ บริษัท คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด และ บริษัท Sumitomo ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High Heat Resistant Polyamide-9T (PA9T) กำลังการผลิตที่ 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) กำลังการผลิตที่ 16,000 ตันต่อปีคาดว่าเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสแรก ปี 2566 นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง