ธ.ก.ส. รุกสินเชื่อ BCG หนุนปลูกป่า ใช้วงเงินแล้วร่วม 8 พันล้าน

18 ก.พ. 2566 | 00:29 น.

ธ.ก.ส.เดินหน้าขับเคลื่อน BCG หนุนเกษตรกร ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่าน Green Bond ล่าสุดใช้วงเงินแล้ว 7,943.14 ล้านบาท เพิ่มต้นไม้ได้ 570,382 ต้น CO2 ที่กักเก็บได้กว่า 16,837 ตัน

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 โดยมีชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว 6,838 ชุมชน มีสมาชิก 123,424 คน สามารถปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นกว่า 12.3 ล้านต้น

ปี 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.เป็นหน่วยงานหลักในการยกระดับ ธนาคารต้นไม้สู่ชุมชนไม้มีค่า เพื่อต่อยอดการนำผลิตผลจากต้นไม้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับชุมชน ปัจจุบันมีชุมชนที่ยกระดับไปสู่ชุมชนไม้มีค่าแล้ว 381 ชุมชน และสามารถสร้างรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ แล้วกว่า 38 ล้านบาทต่อปี

สำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลัก BCG นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในเชิงนโยบาย ธ.ก.ส.สนับสนุนสินเชื่อตามนโยบายรัฐอยู่แล้ว โดยเฉพาะ BCG อย่างการออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม(Green Bond) เป็นการระดมทุนจากภาคธุรกิจที่มีแนวคิดในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG : Environment Social and Governance ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศให้เดินไปในทิศทางที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์

เมื่อได้เงินจากการระดมทุนด้วย Green Bond แล้ว ธ.ก.ส.จะนำเงินที่ได้มาปล่อยกู้ผ่านโครงการสินเชื่อรักษ์ป่าไม้ ไทยยั่งยืน (Go Green : Forest Credit) เพื่อสนับสนุนเกษตรกร นิติบุคคล กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์การเกษตรที่สนใจปลูกไม้เศรษฐกิจ ทั้งการปลูกสวนป่าเชิงเดี่ยว สวนป่าแบบผสมและแบบวนเกษตร การเพาะพันธุ์ไม้หรือเมล็ดพันธุ์เพื่อจัดจำหน่าย

ธ.ก.ส. รุกสินเชื่อ BCG หนุนปลูกป่า ใช้วงเงินแล้วร่วม 8 พันล้าน

สำหรับเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อ คือ

  • กรณีกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน เช่น ค่าพันธุ์ไม้ ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ อัตราดอกเบี้ย MRR-2 ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 12 เดือน พิเศษไม่เกิน 18 เดือน
  • กรณีกู้เพื่อการลงทุนในการปลูกไม้เศรษฐกิจ ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี พิเศษสูงสุดไม่เกิน 20 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-5 ร้อยละ 4 ปีที่ 6-10 MRR-2 และปีที่ 11 เป็นต้นไป อัตรา MRR-1
  • กรณีกู้เพื่อการลงทุนในการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย MRR-2.25

โครงการสินเชื่อรักษ์ป่าไม้ไทยยั่งยืน มีวงเงินให้สินเชื่อรวม 2 หมื่นล้านบาท จ่ายเงินกู้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 โดยผลการดำเนินงาน ณ 31 สิงหาคม 2565 พบว่า มีการใช้เงินจาก Green Bobd 315.71 ล้านบาท จำนวนต้นไม่เพิ่มขึ้น 570,382 ต้น  ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กักเก็บได้ 16,837.95 ตันคาร์บอน ไดออกไซด์เทียบเท่า โดยมีพื้นที่การผลิต 8,719.23 ไร

นอกจากนั้นธนาคารยังมี สินเชื่อสีเขียว(Green Credit) วงเงิน 15,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์หรือการผลิตอาหารปลอดภัย (Food Safety) ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับเกษตรกรรายบุคคล คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1 ต่อปี

ส่วนนิติบุคคล กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-0.5ต่อปี กรณีกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ชำระคืนไม่เกิน 12 เดือน พิเศษไม่เกิน 18 เดือนและกรณีกู้เพื่อลงทุนภายใน 15 ปี 

สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 มีการใช้เงินทุนจาก Green Bond 7,627.43 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อการผลิตเกษตรอินทรีย์หรืออาหารปลอดภัย (Food Safety) มีปริมาณผลผลิต 1,632,830.37 ตัน พื้นที่การผลิต 263,212.92 ไร่ เพื่อการใช้พลังงานทางเลือก/พลังงานทดแทน/พลังงานสะอาด มีปริมาณการผลิตไฟฟ้า 1.32 MW  จำนวน 797 โรงเรือน โรงงาน โครงการ/แผนงาน  และเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี 103,044  โรงเรือน/ โรงงาน/โครงการ/แผนงาน พื้นที่การผลิต 18,013.57 ไร่