นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวในงาน ในงาน Go Thailand 2026 Beyond Surviva หลังเข้ารับรางวัล Corporate Social Value Award ว่า ในฐานะตัวแทนขององค์กรธนาคารกรุงศรีอยุธยา ต้องขอขอบคุณสำหรับรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ เราภาคภูมิในเป็นอย่างมาก และเห็นว่าความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญหลักขององค์กรมาโดยตลอด
ทั้งนี้ กรุงศรีเดินบนถนนสายความยั่งยืนไม่ได้เพียงลำพัง แต่มี MUFG สถาบันการเงินระดับโลกและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คอยหนุนหลัง ส่งผ่านองค์ความรู้ มาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่แข็งแรงให้ถึงมือธนาคารไทยรายนี้ จนทำให้กรุงศรีกำหนดวิสัยทัศน์ 'Krungsri Net Zero Vision' วางสองเป้าหมายใหญ่ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินงานภายในปี 2573 และจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 นับเป็นหมุดหมายที่ชัดเจนและจับต้องได้สำหรับธนาคารพาณิชย์ไทย
โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวยังผูกกับแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ของธนาคาร ที่ต้องการยกระดับสถานะสู่ 'ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน' และฝังราก 'Sustainability DNA' ให้พนักงานทุกระดับเป็นพลังขับเคลื่อนจากภายในออกสู่ภายนอกอีกด้วย
ความตั้งใจนี้สะท้อนผ่านผลิตภัณฑ์ด้าน ESG ที่กรุงศรีเป็นผู้บุกเบิก ทั้งพันธบัตรสำหรับผู้ประกอบการหญิงครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก, Sustainability-Linked Bond, Green Bond และ Blue Bond รายแรกของประเทศไทย จนทำให้ธนาคารกลายเป็นตัวละครสำคัญในตลาดตราสารหนี้ยั่งยืนของภูมิภาค
“ภายใต้วิสัยทัศน์ของ MEFG และความร่วมมือกับ MFCG องค์กรได้กำหนด เป้าหมาย Net Zero โดยมีแผนการลดคาร์บอนจากการดำเนินงานภายในให้สำเร็จภายในปี 2030 และภาคบริการทางการเงินภายในปี 2050 นอกจากนี้ ยังภาคภูมิใจที่เป็นผู้นำในการพัฒนาตลาด การเงินเพื่อความยั่งยืนของประเทศ ในอนาคต องค์กรตั้งใจที่จะก้าวข้ามการเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน และมุ่งสู่การเป็น พันธมิตรที่เชื่อถือได้ ในการช่วยลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง การทำงานร่วมกับสถาบันการเงินและพันธมิตรต่างๆ จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง อนาคตที่สดใส และสร้างโอกาสใหม่ที่ส่งเสริมความเชื่อมั่นและความยืดหยุ่นของประเทศ” นายเคนอิจิ ยามาโตะ กล่าว
ด้านตัวเลขก็ยืนยันชัดเจน ปริมาณสินเชื่อและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (SSF) ที่ตั้งเป้าใหม่ไว้ที่ 250,000 ล้านบาทภายในปี 2573 แทบจะถูกบรรลุไปแล้ว โดยข้อมูลล่าสุด ณ 30 กันยายน 2568 แสดงการสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและความยั่งยืนรวม 247,267 ล้านบาท ภาพเหล่านี้สะท้อนความต้องการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เติบโตตามแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และตำแหน่งของกรุงศรีที่ตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็ว
ในอีกด้านหนึ่ง กรุงศรียังลงทุนลงแรงกับการพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่โครงการ Krungsri ESG Academy, Krungsri ESG Awards จนถึงเวทีระดับโลกอย่าง Krungsri ESG Symposium ซึ่งช่วยเปิดพื้นที่ให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ได้เรียนรู้และก้าวเข้าสู่เส้นทางการเปลี่ยนผ่านอย่างมั่นใจ
เมื่อมองไปข้างหน้า บทบาทของธนาคารจะขยับจาก 'ผู้ให้บริการทางการเงิน' ไปสู่ 'พาร์ตเนอร์ด้านการเปลี่ยนผ่าน' ที่เดินเคียงข้างลูกค้าทุกก้าว โดยเฉพาะในยุคที่นักลงทุน คู่ค้า และภาครัฐเริ่มตั้งมาตรฐาน ESG ที่เข้มข้นขึ้น เป้าหมายใหญ่ 2 ประการจึงถูกวางอย่างชัดเจน คือการบรรลุ Net Zero Vision ภายในปี 2573 และเร่งพัฒนา Transition Finance พร้อมบริการให้คำปรึกษา ESG อย่างเต็มกำลัง พร้อมสร้าง Sustainable Ecosystem เชื่อมองค์ความรู้ระดับโลกจาก MUFG เข้ากับบริบทธุรกิจไทย
"ธนาคารไม่ใช่เพียงผู้ปล่อยสินเชื่อ แต่เป็นผู้สร้างอนาคต สร้างโอกาส สร้างความรู้ และสร้างพลังให้สังคมไทยเดินสู่เศรษฐกิจยั่งยืนอย่างมั่นคง เป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ทุกธนาคารจะเลือกเดิน แต่เป็นเส้นทางที่กรุงศรีตั้งใจจะเป็น 'Market Shaper' ตัวจริงของระบบการเงินไทย" นายเคนอิจิ ยามาโตะ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง