net-zero

แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปลี่ยนขยะใบไม้ให้กลายเป็นดิน ปลูกด้วยโครงการ WASTE TO WELL-BEING

In Brief

  • แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ริเริ่มโครงการ WASTE TO WELL-BEING เพื่อแปรรูปขยะใบไม้จากพื้นที่ส่วนกลางในโครงการต่างๆ ให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์และดินปลูกคุณภาพสูง
  • โครงการนี้ช่วยลดขยะอินทรีย์ที่ต้องนำไปฝังกลบได้ 218 ตัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 173 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และผลิตดินปลูกได้ 55,000 ถุง
  • ดินปลูกที่ได้ถูกนำกลับมาใช้ในงานสวนของโครงการต่างๆ ซึ่งช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี และมีแผนขยายผลการดำเนินงานไปยังโครงการใหม่ทั่วประเทศในปี 2569

 

ปัจจุบันภาคเอกชนให้ความสำคัญเกี่ยวกับโครงการ WASTE TO WELL-BEING มุ่งเปลี่ยนขยะใบไม้ที่ถูกมองว่าไร้ค่าให้กลับมามีชีวิตใหม่ ผ่านกระบวนการย่อยสลัดเป็นดินปลูกที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารธรรมชาติ ทั้งช่วยลดปริมาณขยะและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน นับเป็นก้าวสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยพลังจากทุกคนในสังคม 

สะท้อนจากนายภูมิใจ วรวนิชชากร ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ นางสาวอรสา รอดบำเรอ ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สวนไม้ภราดรภาพ ร่วมกันปลูกต้นไม้ลงดินปลูกที่ได้จากโครงการWASTE TO WELL-BEING บนพื้นที่สวนของบ้านแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

โดยในปี 2568  บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินโครงการ WASTE TO WELL-BEING ซึ่งเป็นการดำเนินงานระยะนำร่อง ในการพัฒนากระบวนการแปรรูปขยะใบไม้ให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ และนำไปผลิตเป็นดินปลูกคุณภาพสูง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และห้างหุ้นส่วนจำกัด สวนไม้ภราดรภาพ

โครงการนี้ช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการฝังกลบได้ถึง 218 ตัน หรือเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 173 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ตั้งแต่ต้นปี - สิ้นเดือนพฤศจิกายน) โดยสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษใบไม้ได้จำนวน 66 ตัน เมื่อนำไปผสมกับวัสดุปรับปรุงดินอื่น ๆ ตามสัดส่วน จะได้ดินปลูกคุณภาพสูงจำนวน 55,000 ถุง ที่นำไปใช้ในงานสวนภายในโครงการและช่วยลดการซื้อดินปลูกจากภายนอกซึ่งอาจมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอหรือเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารเคมีอีกด้วย

โครงการWASTE TO WELL-BEING 

ภูมิใจ วรวนิชชากร และ อรสา รอดบำเรอ

 นายภูมิใจ วรวนิชชากร กล่าวว่า “จากการสำรวจปริมาณขยะอินทรีย์ที่เกิดขึ้นจากงานสวนส่วนกลางโครงการในปี 2567 ซึ่งครอบคลุม 83 โครงการ พบว่ามีขยะใบไม้และกิ่งไม้รวมกันมากถึง 4,440 ตัน การจัดการขยะประเภทนี้มักใช้วิธีการเก็บรวบรวมและนำไปกำจัดด้วยวิธีฝังกลบ ซึ่งต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก มีต้นทุนการขนส่งและกำจัดสูง และอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) บริษัทฯ จึงได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำขยะใบไม้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดของขยะอินทรีย์ที่เกิดขึ้นในโครงการกลับมาใช้ประโยชน์ โดยพัฒนาเป็นดินปลูกคุณภาพสูง เพื่อนำกลับมาใช้ภายในโครงการแทนการจัดซื้อดินปลูกจากภายนอก”

 นางสาวอรสา รอดบำเรอ กล่าวว่า “สวนไม้ภราดรภาพยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในโครงการ WASTE TO WELL-BEING สำหรับกระบวนการแปรรูปนั้น หลังจากการรวบรวมและคัดแยกขยะใบไม้แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการหมักปุ๋ยซึ่งใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน แล้วจึงเป็นกระบวนการทำดินผสม ซึ่งใส่ปุ๋ยหมัก ดินร่วน แกลบดำ และมะพร้าวสับ เมื่อผสมดินปลูกแล้วจึงบรรจุถุง ดินปลูกที่ได้จะมีคุณภาพสูง ไม่มีกลิ่น พร้อมใช้ปลูกต้นไม้อีกครั้ง”

ในส่วนของการดำเนินงานระยะนำร่องนี้ บริษัทฯ ได้รวบรวมขยะใบไม้จากพื้นที่สวนส่วนกลางของ 16 โครงการ แล้วนำเข้าสู่กระบวนการหมักเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และผสมกับวัสดุปรับปรุงดิน   อื่นๆ จนกลายเป็นดินปลูกคุณภาพสูง และนำไปใช้ใน 8 โครงการ ได้แก่ โครงการ NANTAWAN ราชพฤกษ์ - พรานนก,  CHAIYAPRUEK แจ้งวัฒนะ, MANTANA ปิ่นเกล้า - สาย3, inizio สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ, Villaggio สุขสวัสดิ์ - ประชาอุทิศ, MANTANA 100+ ถ.บางขุนเทียน ชายทะเล, MANTANA 100+ พระราม 2 - บางขุนเทียน และ PRUEKLADA ทางด่วนรามอินทรา - จตุโชติ ผลจากการนำไปใช้ในงานสวน

พบว่าต้นไม้มีการเจริญเติบโตและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้ดินปลูกทั่วไปตามท้องตลาด ทั้งนี้ในส่วนของปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากกระบวนการหมักขยะใบไม้ยังผ่านการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการโครงการพัฒนาวิชาการดิน ปุ๋ย และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งผลการทดสอบยืนยันว่ามีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดไว้

โครงการ WASTE TO WELL-BEING สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วยการผลิตดินปลูกคุณภาพสูงจากขยะใบไม้ ลดการซื้อดินจากภายนอก ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ลดปริมาณขยะใบไม้ที่ออกสู่ชุมชน และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งและกำจัดขยะอินทรีย์ ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่คู่ค้า เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน จากความสำเร็จนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายโครงการในระยะต่อไปในปี 2569 โดยจะใช้ดินปลูกคุณภาพสูงจากโครงการ WASTE TO WELL-BEING กับโครงการเปิดใหม่ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งรวมถึงโครงการที่ต่างจังหวัดด้วย