In Brief
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายอากาศสะอาดวาระแรกทั้ง 7 ร่าง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดได้เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ในสภาฯ แบบรายมาตรา โดยการอภิปรายในสัปดาห์นี้สิ้นสุดที่มาตรา 37/5 จากทั้งหมด 104 มาตรา ส่วนมาตราที่ยังเหลือจะพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป
ประเด็นที่ยังมีการอภิปรายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มาตรา 24 เกี่ยวกับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่นในระดับพื้นที่ โดยคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ดำรงตำแหน่งประธานฯ แทนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตามร่างเดิม ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ผู้แทนพรรคประชาชน ให้เหตุผลว่าเป็นแนวทางในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นว่าการให้ “นายก อบจ.” ทำหน้าที่อาจมีปัญหาในการปฏิบัติ เนื่องจากโครงสร้างการบริหารจังหวัดกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าสูงสุดในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมลงมติให้ความเห็นชอบให้นายก อบจ. เป็นประธานคณะกรรมการอากาศสะอาดจังหวัด
อีกมาตราที่มีการอภิปรายคือ มาตรา 30/4 ว่าด้วยอำนาจของเจ้าพนักงานอากาศสะอาด โดยร่างกฎหมายระบุว่าสามารถเข้าตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษในที่ดิน อาคาร หรือสถานประกอบการ รวมถึงสั่งหยุดยานพาหนะ ตรวจสอบบุคคล เรียกเอกสาร หรืออายัดสิ่งของที่เกี่ยวข้องได้
วิทยา แก้วภราดัย ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงความเห็นว่าการให้อำนาจตรวจค้นทุกแห่งนั้นอาจมากเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจเกี่ยวพันกับสิทธิในเคหะสถานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 33 ส่วน ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ระบุว่ามาตรานี้อาจซ้ำซ้อนกับอำนาจของกรมการขนส่งที่ตรวจจับควันดำอยู่แล้ว ผลการลงมติในที่ประชุมมี 155 เสียงเห็นด้วย 115 เสียงไม่เห็นด้วย งดออกเสียง 20 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
การพิจารณาในวันที่ 8–9 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะเข้าสู่การพิจารณามาตราสำคัญเกี่ยวกับเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์และกองทุนอากาศสะอาด ซึ่งจะเป็นกลไกในการผลักดันให้ผู้ก่อมลพิษต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อมลพิษที่เกิดขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการทำให้กฎหมายฉบับนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง