net-zero

กมธ.เคาะร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เตรียมเปิดรับฟังเสียง ปชช. 25 ก.ค.

กมธ.เคาะร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฉบับแรกของไทย เตรียมเปิดรับฟังความเห็นประชาชน 25 ก.ค. ก่อนเข้าสู่สภาฯ ยืนยันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการดำเนินงาน

โดยระบุว่า ขณะนี้การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผ่านเว็บไซต์รัฐสภา (www.parliament.go.th) ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม 2568 โดยเนื้อหาในการรับฟังความคิดเห็นประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ., สรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ., และ ประเด็นคำถาม เพื่อประกอบการพิจารณาในขั้นตอนถัดไป ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร 

 

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธาน กมธ.วิสามัญฯ พร้อมด้วยนางสาวคนึงนิจ ศรีบัวเอี่ยม รองประธาน กมธ. และนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ กรรมาธิการ ร่วมกันแถลงว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ประกอบด้วย 10 หมวด ได้แก่

หมวด 1: บททั่วไป

หมวด 2: คณะกรรมการและองค์กรเพื่อการบริหารจัดการอากาศสะอาด

หมวด 3: เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด

หมวด 4: การป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดมลพิษ

หมวด 5: เขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศและเขตประสบมลพิษทางอากาศ

หมวด 6: เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์เพื่ออากาศสะอาด

หมวด 6/1: กองทุนอากาศสะอาด

หมวด 7: เจ้าพนักงานอากาศสะอาด (ยุบรวมไว้ในหมวด 2 เพื่อให้โครงสร้างกฎหมายกระชับ)

หมวด 8: ความรับผิดทางแพ่ง

หมวด 9: โทษทางอาญา

หมวด 10: มาตรการปรับเป็นพินัย

ทั้งนี้ ช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจะเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ. ฉบับเต็ม, สรุปสาระสำคัญของร่างกฎหมาย และประเด็นคำถามเพื่อประกอบการพิจารณา

นายจักรพลเน้นว่า แม้ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างสมบูรณ์ในทันที แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในการจัดการปัญหาอย่างยั่งยืน และสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทยในระยะยาว

ด้านนางสาวคนึงนิจกล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นร่างแรกที่เกิดจากการเสนอโดยประชาชนกว่า 10,000 รายชื่อ และได้นำมาผนวกรวมกับร่างฉบับอื่น จนกลายเป็นร่าง พ.ร.บ. ฉบับปัจจุบันที่ผ่านการพิจารณาร่วมกันโดย กมธ. ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่สถาปนาสิทธิในอากาศสะอาดอย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่ยกระดับสิทธิในอากาศสะอาดให้เป็นหนึ่งในสิทธิมนุษยชน และก่อให้เกิดภาระหน้าที่ของรัฐทั้งตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายฉบับนี้

ขณะเดียวกัน นายภัทรพงษ์ ขอบคุณภาคประชาชนที่เป็นผู้ริเริ่มร่างกฎหมาย รวมถึงขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่เล็งเห็นความสำคัญและบรรจุร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไว้ในวาระเร่งด่วนตั้งแต่ปี 2567 พร้อมขอบคุณพรรคการเมืองทุกพรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในคณะ กมธ. และคณะอนุ กมธ. ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี 6 เดือน จนสามารถผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศของประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน