net-zero

กางกลยุทธ์ “แคเรียร์” ลดโลกร้อนด้วยโซลูชันปรับอากาศอัจฉริยะ ขยายฐานลูกค้าในไทย

In Brief

  • แคเรียร์ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ผ่านกลยุทธ์ “Road Map to Net Zero” และตั้งเป้าช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 1 พันล้านตันภายในปี 2030
  • เพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นสองเท่า เพื่อพัฒนาโซลูชันปรับอากาศอัจฉริยะ (HVAC) สำหรับอาคารอัจฉริยะ (smart buildings) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 30%
  • นำเสนอบริการ Cooling-as-a-Service (CaaS) สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์ และร่วมมือกับบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) เพื่อให้บริการระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูงแบบครบวงจรโดยที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

จากการตระหนักมากขึ้นถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อน แต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 40% ยังมาจากการใช้เครื่องปรับอากาศของอาคารต่าง ๆ ทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม และยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

รวมทั้งในประเทศไทยเองที่กำลังจะเป็นศูนย์กลาง Data Center ในภูมิภาค ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศในประเทศไทยให้ทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นายวิคเตอร์ ยู กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงบทบาทของนวัตกรรมขั้นสูงของระบบปรับอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายวิคเตอร์ ยู ชี้ให้เห็นว่า แคเรียร์มีกลยุทธ์ “Road Map to Net Zero” ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ทั้งในไทยและในระดับโลก โดยมุ่งลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกควบคู่กันไป มีเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีค.ศ. 2050 ผ่านการขับเคลื่อนต่าง ๆ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ได้ 45% จากโซลูชันที่ใช้ดิจิทัล 35% การใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นนวัตกรรมใหม่และการใช้วัสดุที่ยั่งยืน 5%

วิคเตอร์ ยู กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด

“แคเรียร์มีเป้าหมายสู่ Net Zero ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2050 โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก Scope1 และ Scope2 ให้ได้ 42% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปี 2021 และภายในปีเดียวกันนั้น จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก Scope3 ลง 25% เมื่อเทียบกับปี 2021 และตั้งเป้าหมายที่จะช่วยลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 1 พันล้านตันภายในปี 2030

และนับตั้งแต่ปี 2020-2023 สามารถช่วยลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้แล้วกว่า 367 ล้านเมตริกตัน หรือคิดเป็น 37% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการที่ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านปรับอากาศและพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง ลดการใช้พลังงาน ตลอดจนใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของแคเรียร์”

ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมาย แคเรียร์ได้เพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) จาก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงปี 2030 ซึ่งตั้งแต่ปี 2020 บริษัทใช้งบประมาณนี้ไปแล้วกว่า 965 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 25% สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง และ    โซลูชันปรับอากาศ ตลอดจนพลังงานอัจฉริยะ รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 รายการทั่วโลกเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน

กางกลยุทธ์ “แคเรียร์” ลดโลกร้อนด้วยโซลูชันปรับอากาศอัจฉริยะ ขยายฐานลูกค้าในไทย อีกทั้ง จากการควบรวมธุรกิจกับบริษัทโตชิบา ผู้นำเทคโนโลยีปรับอากาศจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นกลายเป็นผู้นำทั้งในตลาดระบบปรับอากาศขนาดใหญ่และตลาดเครื่องปรับอากาศบ้านอย่างครบวงจร ที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งโรงงานเครื่องปรับอากาศของโตชิบาในประเทศไทย หลังการผนวกกิจการกันแล้ว สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ปรับอากาศคุณภาพสูงมาตรฐานสากล ไปยังตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน    

กางกลยุทธ์ “แคเรียร์” ลดโลกร้อนด้วยโซลูชันปรับอากาศอัจฉริยะ ขยายฐานลูกค้าในไทย ขณะที่ปี 2024 ที่ผ่านมา แคเรียร์มุ่งหน้าธุรกิจ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) ซึ่งเป็นระบบปรับสภาวะอากาศที่ควบคุมทั้งความร้อน ความเย็น การระบายอากาศ และคุณภาพอากาศภายในอาคาร ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนด้านภาษีคาร์บอน เพิ่มโอกาสในตลาดต่างประเทศ จากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เคร่งครัด เช่น ในสหภาพยุโรป เป็นต้น

ทั้งนี้ จาก Life Cycle Solutions ของแคเรียร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมชุดบริการครบวงจร การนำระบบ HVAC มาใช้ในอาคาร โดยเฉพาะในการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (smart buildings) ที่ช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 30% ผ่านการรับรองอาคารสีเขียว

หนึ่งในหัวใจสำคัญของ Life Cycle Solutions คือ CaaS หรือ Cooling-as-a-Service สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์ ให้สามารถควบคุมดูแลระบบ HVAC ภายในอาคารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพครบวงจร ครอบคลุมทุกดัชนีสำคัญในแง่สมรรถนะการทำงาน ตอบโจทย์การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การควบคุมค่าใช้จ่าย และความยั่งยืนของโครงการ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม และตลอดอายุการใช้งาน ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพล่าสุดของแคเรียร์ ซึ่งจะได้รับการดำเนินการและซ่อมบำรุงโดยแคเรียร์ ช่วยให้มั่นใจและไว้วางใจได้ในระยะยาว

กางกลยุทธ์ “แคเรียร์” ลดโลกร้อนด้วยโซลูชันปรับอากาศอัจฉริยะ ขยายฐานลูกค้าในไทย นอกจากนี้ แคเรียร์ยังจับมือกับหน่วยธุรกิจด้านพลังงาน หรือ ESCO (Energy Service Company) ซึ่งจะร่วมมือใกล้ชิดกับเจ้าของอาคาร ตั้งแต่การออกแบบระบบให้เหมาะสมกับตัวอาคาร การวิเคราะห์ความต้องการใช้พลังงาน การติดตั้งอุปกรณ์ การเดินระบบประหยัดพลังงาน รวมทั้งการนำพลังงานกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ภายในอาคาร และการจัดหาความสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการด้านพลังงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และให้สอดคล้องกับข้อกำหนดและการตรวจวัดผลอันเป็นมาตรฐานสากล 

แคเรียร์ มีมาตรการเชิงรุกในการรับมือกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้ระบบปรับอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นและต้องการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้าน ESG บริษัทฯ ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศและความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้น แคเรียร์ยังผสมผสานกลยุทธ์ระดับโลกกับการดำเนินงานของแต่ละประเทศที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามแนวทางที่ยั่งยืนเป็นไปอย่างราบรื่น และช่วยผลักดันให้ไทยก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

สุดท้าย ผู้บริหารของแคเรียร์ ให้มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มและโอกาสการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย ว่า เขามองในเชิงบวก แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่แคเรียร์ก็เป็นผู้นำในตลาด เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีสินค้าที่ครอบคลุมหลากหลาย และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นสำหรับการเติบโต คือบริษัทฯ มีพันธมิตรที่ดี มีตัวแทนที่เรียกว่า channel partners มากกว่า 300 รายทั่วประเทศ ที่ไม่เพียงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในระบบไลฟ์ไซเคิลโซลูชันของแคเรียร์ ในการให้บริการหลังการขาย การบำรุงรักษา รวมทั้งการให้ความรู้กับลูกค้าเกี่ยวกับระบบใหม่นี้อย่างครบวงจรดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

ตัวอย่างลูกค้ารายใหญ่ของแคเรียร์ ได้แก่ โครงการวัน แบงค็อก, อาคาร140 ถนนวิทยุ และโรงแรมสุโขทัย เป็นต้น ในส่วนของปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค ไทยมีแนวโน้มที่ดีจากสองปัจจัย คือ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ผ่านการพิจารณาในสภาเรียบร้อยแล้ว และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ทำให้เชื่อว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมให้คึกคักมากยิ่งขึ้น