net-zero

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีภารกิจการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการและสร้างเสถียรภาพความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

ตลอดระยะเวลา 56 ปี ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าไทยปัจจุบันประเทศมีกำลังผลิตไฟฟ้า 51,991.80 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. 16,235.02 เมกะวัตต์ คิดเป็น 31.23% มีสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศความยาวรวม 40,184.591 วงจร-กิโลเมตร เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย (แหล่งข้อมูล www.egat.co.th ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2568)

ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด กฟผ.ยังคงรักษาความมั่นคงทางพลังงาน มุ่งมั่นเดินหน้าภารกิจแห่งความยั่งยืนด้วยการรักษาความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมขยายการเติบโตด้วยธุรกิจสีเขียว และสร้างคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน ด้วยการตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) ภายในปี 2608

ล่าสุดเพื่อเป็นการตอกยํ้าบทบาทของ กฟผ. ในการเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน จึงได้นำกลไกทางการเงิน มาเป็นเงื่อนไขในการดำเนินงาน โดยการออกและเสนอขายพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืนของ กฟผ. (EGAT’s Sustainability-Linked Bond; EGAT’s SLB) อายุ 5 ปี แก่ผู้ลงทุนสถาบัน (ที่มิใช่บุคคลธรรมดา) ซึ่งเป็นพันธบัตรที่ผูกตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนเข้ากับเงื่อนไขทางการเงิน

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

ภายใต้โครงการออกพันธบัตร (Medium-Term Note Program: “MTN”) ปี พ.ศ. 2568 วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท ถือเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งแรกที่ประกาศกรอบการระดมทุนส่งเสริมความยั่งยืนที่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนควบคู่กับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ซึ่งจะเปิดจองซื้อในวันที่ 11-12 กันยายน 2568 และมีกำหนดออกพันธบัตรในวันที่ 15 กันยายน 2568

สำหรับตัวชี้วัดนี้ กฟผ.ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน ( Calibration of the Sustainability Performance Target : SPT) ที่จะลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามชอบเขต 1 และ 2 ต่อปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตลง 30% ภายในปี 2573 หรือเทียบเท่ากับระดับการปล่อยที่ 0.3877 tCO2e/MWh จากปีฐาน 2564 ที่ปล่อยในระดับ 0.5538 tCO2e/MWh โดยในปี 2568 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมา 5% ปี 2569 ลดการปล่อยที่ 10  ปี 2570 ลดการปล่อยที่ 15  ปี 2571 ลดการปล่อยที่ 20% ปี 2572 ลดการปล่อยที่ 25%

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายดังกล่าว กฟผ.ได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงาน อาทิ การปรับปรุงระบบโครงข่ายอัจฉริยะ (Grid Modernization) เพื่อให้ระบบส่งไฟฟ้ามีความยืดหยุ่น และมีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนสูง ซึ่งการดำเนินงานนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่ระบบไฟฟ้าจะล่มจากความไม่แน่นอนของแหล่งพลังงานสะอาด และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงานโดยรวม

การเร่งขยายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้าร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังนํ้า (Hydro-Floating Solar Hybrid) ที่มีเป้าหมายติดตั้งรวม 2,725 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 รวมถึงการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) เพื่อเป็นแหล่งสำรองไฟฟ้าและช่วยลดความผันผวนจากพลังงานหมุนเวียน

การพัฒนากลไกอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT) เพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้จริง โดยมีกลไกการให้บริการไฟฟ้าสีเขียวพร้อมใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายขององค์กร

การศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมคาร์บอนตํ่าที่เกิดใหม่ เช่น การศึกษาเทคโนโลยีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization, and Storage: CCUS) และเทคโนโลยีไฮโดรเจน ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในช่วงท้ายของแผนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

การลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในปี 2569 กฟผ. มีแผนหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 9, 10, 12 และ 13 ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาของโรงไฟฟ้าแม่เมาะจะลดลงจาก 2,455 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 1,200 เมกะวัตต์ ทำให้มีการใช้ถ่านหินลดลงจากเดิม การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

โดยจะปรับปรุงโรงไฟฟ้าฟอสซิลให้กลายเป็น Flexible Power Plant ที่สามารถลดกำลังการผลิตขั้นตํ่าลงได้ ทำให้สามารถเปิดทางให้พลังงานหมุนเวียนเข้ามาในระบบได้มากขึ้น โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการดำเนินงาน ที่มุ่งเน้นการลดการใช้พลังงานในทุกกระบวนการดำเนินงานของ กฟผ. ตั้งแต่ในโรงไฟฟ้าไปจนถึงสำนักงาน โดยมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ เป็นชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น การใช้หลอดไฟ LED หรือการใช้เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงาน

รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในฝั่งผู้ใช้ จากการดำเนินโครงการรณรงค์และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ “3 อ.” ได้แก่

อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า :  ที่เน้นการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านโครงการ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โดยมีการพัฒนาเกณฑ์และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีตัวเลือกมากขึ้น

อาคาร : ให้คำปรึกษาด้านการจัดการพลังงานในอาคาร

และอุปนิสัย : เสริมสร้างความรู้และปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดแก่ประชาชน

กฟผ.ออก Bond SLB 2 พันล้านขับเคลื่อนความยั่งยืน ลดคาร์บอน 30% ปี 73

ดังนั้น ในการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตร SLB ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงนำเงินทุนไปใช้เพื่อพัฒนาโครงการต่าง ๆ แล้ว ยังจะมีเงื่อนไขและเป้าหมายที่ชัดเจนด้านความยั่งยืนเป็นตัวกำหนด ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขอ กฟผ. ในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น