บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ผู้นำด้านการให้บริการพลังงานและสาธารณูปโภคครบวงจร ได้ประกาศทิศทางและเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน
โดยมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 โดยกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ Science Based Targets initiative (SBTi) โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) สุทธิ (Scope 1 และ 2) ลง 42% ภายในปี 2573 และ 90% ภายในปี 2593 จากปีฐาน 2564 รวมถึงลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซ GHG (Scope 3) จากการลงทุนลง 74% ภายในปี 2573 และ 90% ภายในปี 2593 จากปีฐาน 2564
ในปี 2568 WHAUP ตั้งเป้าหมายในธุรกิจสาธารณูปโภคในการจำหน่ายและให้บริการนํ้าในไทยเพิ่มขึ้นที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร จากการขยายการจำหน่ายและให้บริการนํ้าภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอให้มากขึ้น การขยายการให้บริการและเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นํ้ามูลค่าเพิ่ม (Valueadded Water) และในเวียดนาม 41 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ขณะที่ธุรกิจพลังงาน WHAUP ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจสาธารณูปโภค เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
นายประพนธ์ ชินอุดมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายทางการเงินสำหรับ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2568-2572-2029) ที่รายได้รวม ส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผลรวมกัน 35,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโต 2.5 เท่า ในปี 2572 เมื่อเทียบกับปี 2567 รวมถึงตั้งเป้าหมายอัตรากำไร EBITDA ไว้ที่มากกว่า 50% โดยจะใช้งบลงทุน (CAPEX) ในช่วง 5 ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 29,000 ล้านบาท
สำหรับในปี 2568 นี้ จะใช้เงินลงทุนราว 4,500 ล้านบาท เน้นการลงทุนไปที่การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบัน (ไตรมาสแรกปีนี้) บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 980 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและพลังงานความร้อนร่วม 528 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 154 เมกะวัตต์ พลังงานนํ้า 19 เมกะวัตต์ และจากขยะ 3 เมกะวัตต์ และมีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 276 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ราว 46.1% หรือราว 452 เมกะวัตต์
“สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในพอร์ตโฟลิโอของ WHAUP ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 12% ในปี 2563 มีกำลังผลิต 73 เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 46.1% ในไตรมาสแรกปีนี้ที่ 452 เมกะวัตต์ สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับเทรนด์พลังงานสะอาด โดยบริษัทตั้งเป้าภายในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมาที่ 657 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้นมา 205 เมกะวัตต์
ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 1,185 เมกะวัตต์ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มพลังงานสะอาดอยู่ในพอร์ตโฟลิโอตามสัดส่วนการลงทุน ให้ได้ 1,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้ถึง 683,000 ตันต่อปี”
นายประพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 276 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการ Solar Private PPA มีกำลังผลิตราว 151 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปีนี้กว่า 100 เมกะวัตต์ อาทิ โครงการ Sahafarm Group จังหวัดลพบุรีและเพชรบูรณ์ กำลังการผลิต 46.4 เมกะวัตต์ โครงการ Canadian Solar WHA ESIE4 กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ โครงการ KIRIU (Thailand) WHA ESIE1 จังหวัดระยอง กำลังการผลิต 12.3 เมกะวัตต์ และโครงการ SPM จังหวัดราชบุรี กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง (installed capacity) ตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการที่ WHAUP ถือหุ้น 100% จำนวน 3 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า 59.8 เมกะวัตต์ และโครงการที่ WHAUP ร่วมลงทุนกับพันธมิตรอีก 2 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 65.6 เมกะวัตต์ มีกำหนดการ COD ระหว่างปี 2572-2573
ขณะที่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา WHAUP ได้ลงนามในโครงการใหม่ 8 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 15 เมกะวัตต์ มีโครงการสำคัญที่ลงนาม ได้แก่ LLIT กำลังการผลิต 5.1 เมกะวัตต์ และ Harbor Mall กำลังการผลิต 3.0 เมกะวัตต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง