บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นบริษัทผลิตอาหารบริษัทแรกในโลก ที่ได้รับอนุมัติทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว สอดคล้องตามมาตรฐาน Forest, Land and Agriculture (FLAG) ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะสาหรับภาคเกษตรและอาหารจากองค์กร Science Based Targets initiative (SBTI) เทียบกับ ปีฐาน 2563 โดยตั้งเป้าหมายระยสั้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30.3 % จากการเปลี่ยนแปลงและการจัดการที่ดิน และลดจาการใช้พลังงานฟอสซิลลง 42% ภายในปี 2573ขณะที่ระยะยาว มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 72% จากการเปลี่ยนแปลงและการจัดการที่ดิน และลดการใช้พลังงานฟอสซิลลง 90 % ภายในปี 2593
ทั้งนี้ ซีพีเอฟมีโครงการฟาร์มต้นแบบพลังงานสะอาด ถือหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดดยซีพีเอฟได้พัฒนาฟาร์มต้นแบบ ที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนใช้ภายในฟาร์มได้ทั้งหมด 100% ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากภายนอก
ในขณะที่ฟาร์มทั่วไปจะพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพประมาณ 86% และพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก 14% โครงการนี้ได้พัฒนาระบบจัดการพลังงานแบบอัตโนมัติที่สามารถควบคุมการทำงานร่วมกันระหว่างพลังงานจากก๊าซชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าสำรองจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งจะใช้งานเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ฟาร์มต้นแบบสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้กว่า 438,000 kWh ต่อปี บนพื้นที่ 12,200 ตร.ม. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 192 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีต่อฟาร์ม 1 แห่ง
นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้กว่า 1.09 ล้านบาทต่อปี โครงการ RE100 Farm Model นี้ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ พร้อมเป็นต้นแบบสำหรับการนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคต
นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟมีความมุ่งมั่นในการผลิต “ไข่ไก่สีเขียว” ที่เน้นการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยควบคุมกระบวนการผลิตอย่างครบวงจร ตั้งแต่ระบบเลี้ยงแม่ไก่ที่มีมาตรฐานสูง ระบบโรงคัดไข่อัตโนมัติที่ทันสมัย และโรงงานแปรรูปที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ไข่ไก่ทุกฟองมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ที่ซื้อไป
นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังดีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบด้วยฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ยังเป็นต้นแบบของฟาร์มที่ใช้พลังงานสะอาดแบบเต็มรูปแบบ ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์และไบโอแก๊สที่ผลิตจากมูลไก่
นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุดสายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้นำโมเดลฟาร์มพลังงานสะอาดมาใช้ที่คอมเพล็กซ์ไก่ไข่แห่งนี้ จากเดิมที่ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) จากมูลแม่ไก่ได้ราว 80-90% และใช้ไฟฟ้าจากภาครัฐประมาณ 20% และที่ผ่านมาซีพีเอฟได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 360 กิโลวัตต์พีค (kWp) และระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Energy Management System: EMS) เพื่อควบคุมการใช้พลังงานให้สมดุล ส่งผลให้ฟาร์มสามารถใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวันและไบโอแก๊สในช่วงกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการใช้ไฟฟ้าจากภายนอกลงเหลือ 0% อย่างสมบูรณ์ และล่าสุดได้รับการรับรองเป็นฟาร์ม RE100 แห่งแรกของประเทศไทยจากบริษัท LRQA (ประเทศไทย) จำกัด
ผลสำเร็จในปี 2567 ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่จันทบุรี สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้กว่า 197 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 20,736 ต้น พร้อมลดต้นทุนพลังงานได้ถึง 50% และยังสามารถนำมูลไก่ไปผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในฟาร์ม และส่วนที่เหลือแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์แจกจ่ายชุมชน ช่วยลดต้นทุนและสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างฟาร์มกับชุมชน
ซีพีเอฟยังมีแผนขยายการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ไบโอแก๊ส และระบบ EMS ไปยังฟาร์มคอมเพล็กซ์อื่น ๆ ทั้งฟาร์มสุกรและฟาร์มไก่ไข่ อย่างน้อย 5 แห่ง ภายในปี 2568 เพื่อสร้างฟาร์ม RE100 เพิ่มเติม และผลักดันองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 อย่างเป็นรูปธรรม
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,089 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง