น้ำท่วมฉับพลันเท็กซัส เสียชีวิตพุ่ง 90 ราย โลกร้อนซ้ำเติม

น้ำท่วมเท็กซัส ตามรายงานเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 ราย และมีผู้สูญหายอีกหลายคน หลังจากเกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรงในตอนกลางของรัฐเท็กซัสในช่วงสุดสัปดาห์วันชาติสหรัฐฯ (4 กรกฎาคม) การค้นหาและกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าฝนจะตกลงมาเพิ่มในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีหลายปัจจัยที่ผสมผสานกันจนก่อให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในครั้งนี้ สโลโบดาน ไซโมโนวิช ศาสตราจารย์กิตติคุณประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ระบุว่า พายุนี้ได้รับแรงหนุนจากอากาศที่อบอุ่นและชื้น รวมกับเศษซากของพายุเฮอร์ริเคนเบริล (Hurricane Beryl) บนภูมิประเทศที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

อะไรเป็นสาเหตุของน้ำท่วมฉับพลัน

น้ำท่วมเกิดขึ้นส่วนหนึ่งจากเศษซากของพายุโซนร้อนแบรี ที่เคยขึ้นฝั่งในเม็กซิโกเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ไอกั๋ว ไต้ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยออลบานี (SUNY) ว่า มีพายุหมุนเขตร้อน ระบบนั้นอาจสลายตัวไป แต่ระบบนั้นยังคงปล่อยไอน้ำจำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศ ความชื้นยังคงอยู่ในอากาศและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับกระแสลม และในกรณีนี้ ดูเหมือนว่าไอน้ำบางส่วนจากเศษซากพายุนั้นได้เคลื่อนเข้าสู่ตอนกลางของเท็กซัส

สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก พายุเฮอร์ริเคนเบริล (Hurricane Beryl) นับเป็นพายุหมุนเขตร้อนหรือเศษซากของพายุลูกที่ 20 ที่ทำให้ฝนตกเกิน 15 นิ้วในพื้นที่ตอนในของรัฐเท็กซัสนับตั้งแต่ปี 1913 ตามข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เศษซากของเฮอริเคนเฮเลนทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่แอพพาเลเชียน และในปี 2021 น้ำท่วมฉับพลันจากเศษซากของเฮอริเคนไอดาได้คร่าชีวิตผู้คนหลายสิบรายใน 4 รัฐ

พื้นที่เท็กซัสฮิลคันทรี ซึ่งเป็นจุดที่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในครั้งนี้ มักถูกเรียกว่าตรอกน้ำท่วมฉับพลัน (flash flood alley) เนื่องจากมีภูมิประเทศที่สูงชันและขาดพืชพรรณ ซึ่งเอื้อต่อการที่น้ำจะไหลหลากอย่างรวดเร็ว

ในพื้นที่ภูเขาหรือภูมิประเทศที่ลาดเอียง น้ำสามารถไหลอย่างรวดเร็วจากพื้นที่รับน้ำด้านบนลงสู่ลุ่มน้ำแม่น้ำ และทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง พื้นที่ปลายน้ำอาจไม่ทันสังเกตเลยว่ามีพายุรุนแรงอยู่ต้นน้ำ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อน้ำท่วมฉับพลันอย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า  การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้น การเปลี่ยนอุณหภูมิที่สูงขึ้นให้กลายเป็นปริมาณฝนที่ตกหนักและถี่มากขึ้น เป็นหลักฐานง่าย ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อโลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

พายุโซนร้อนและเฮอริเคนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อโลกร้อนขึ้น เพราะอุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้นทำให้การระเหยน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อากาศชื้นขึ้น และนำไปสู่พายุที่รุนแรงและทำลายล้างมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องยอมรับความจริงว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เกิดขึ้นแล้ว และวางแผนเพื่อปรับตัวให้ดีขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง 

• Time