สนพ.ดันเกณฑ์“LOLE" วัดความมั่นคงระบบไฟฟ้า หนุนพลังงานสะอาด–รถอีวี

24 มี.ค. 2566 | 06:44 น.

"สนพ." หนุนใช้เกณฑ์ "LOLE" วัดความมั่นคงไฟฟ้าประเทศ รองรับความต้องการพลังงานสะอาดภาคอุตฯ และความต้องการใช้รถอีวี ตามแผนพัฒนาไฟฟ้าฉบับใหม่ "วัฒนพงษ์"ชี้ข้อดีสะท้อนความมั่นคงไฟฟ้าได้จริงในทุกช่วงเวลา

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากทิศทางการพัฒนาพลังงานของประเทศไทย ที่มุ่งไปสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศมากขึ้น รวมทั้งความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ 

โดยในปี 2566 คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ใกล้เคียงกับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19  
 

กระทรวงพลังงานได้มีการเตรียมความพร้อมในหลายด้านเพื่อให้การผลิตไฟฟ้าในประเทศสามารถตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และภาคประชาชนได้อย่างทั่วถึง และให้ความสำคัญกับความมั่นคงของการผลิตไฟฟ้าในประเทศ 

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)

ในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ (พีดีพี 2030) ที่จะใช้ในปี 2566 – 2580 กระทรวงพลังงานได้มีแนวคิดในการนำเอาดัชนีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (Loss of Load Expectation) หรือ “LOLE” มาใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศ แทนเกณฑ์เดิมที่เคยใช้ “กำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง” หรือ Reserve Margin ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 

เนื่องจากรูปแบบการผลิตและใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยไม่เหมาะสมที่จะนำเอาค่ากำลังผลิตไฟฟ้าสำรองมาใช้ในการวัดความมั่นคงด้านการผลิตไฟฟ้าของประเทศอีกต่อไป 

ผ.อ.สนพ.กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้ LOLE มีการใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรูปแบบการใช้และการผลิตไฟฟ้าคล้ายกับประเทศไทยในอนาคต เช่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ  ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น  

ข้อดีของ “LOLE” คือ สามารถที่จะใช้วัดความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศได้ทุกช่วงเวลาตลอดทั้งปี มีค่าที่กำหนดชัดเจนที่ทำให้ทุกฝ่ายสามารถเห็นถึงความมั่นคงของระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันผ่านการพิจารณาทั้งทางเทคนิคและวิชาการ 

ค่า LOLE ที่กำหนดไว้เป็นมาตรฐานจะสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟฟ้าดับในวงกว้างไม่ว่ารูปแบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศ และพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยจะเริ่มมีความหลากหลายของประเภทโรงไฟฟ้ามากขึ้นทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งลม แสงอาทิตย์ ซึ่งมีความผันผวนของการผลิตพลังงานในแต่ละช่วงเวลา 
 

ขณะเดียวกันในส่วนของพฤติกรรมของผู้ใช้ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต เช่น ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมบางสาขาที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด 100% ในการผลิตไฟฟ้า เช่น ธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ 

รวมทั้งการใช้รถอีวีของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้จะต้องมีการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ในช่วงกลางคืน ซึ่งทำให้ช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) นั้นเปลี่ยนไปอยู่ในช่วงกลางคืนก็จะไม่กระทบต่อระบบไฟฟ้าในภาพรวม 

“เนื่องจากมีการกำหนดค่า LOLE ที่สามารถวัดความมั่นคงไฟฟ้าได้อย่างเป็นมาตรฐานตลอดเวลา ต่างจากการใช้การวัดกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองที่มีความไม่แน่นอนในแต่ละช่วงเวลาสูง” นายวัฒนพงษ์ กล่าว 


ทั้งนี้กระทรวงพลังงานได้มีการเสนอแนวทางการใช้ LOLE เป็นค่ามาตรฐานในการวัดความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยจะใช้ในการจัดทำแผนพีดีพีฉบับใหม่ หลักเกณฑ์นี้ได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แล้ว 

โดยดัชนีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับที่ กพช.เห็นชอบนั้นอยู่ที่ไม่เกิน 0.7 วันต่อปี หรือเท่ากับ 16.8 ชั่วโมงต่อปี หรือว่าอัตราการเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศรวมกันภายในหนึ่งปีแล้วต้องไม่เกินจำนวนชั่วโมงที่กำหนดไว้ 

โดยตัวเลขในระดับที่กำหนดไว้ถือว่ามีความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศเพียงพอ และสามารถช่วยสร้างความมั่นใจต่อระบบเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม และประชาชนที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและดำเนินชีวิตประจำวัน