sustainable

ไทยสมายล์-แกร็บ จี้รัฐ! ปลดล็อก 3 ด้าน ดัน EV สร้างเมืองสีเขียว

In Brief

  • ไทยสมายล์บัสและแกร็บเรียกร้องให้ภาครัฐสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อขับเคลื่อนเมืองสีเขียวและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
  • เสนอให้รัฐปลดล็อก 3 ประเด็นหลักที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่ 1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จ 2) ความชัดเจนด้านกฎหมายและนโยบายจูงใจ 3) การสนับสนุนด้านสินเชื่อ (Financial Inclusion)
  • ชี้ว่าการสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยลดอุปสรรคและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงรถ EV ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างระบบคมนาคมที่ยั่งยืน

การขับเคลื่อนเมืองสู่สังคมคาร์บอนต่ำถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการคมนาคมขนส่งต้องปรับตัว โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Sustainable Mobility

โดยในงาน SUSTAINABILITY FORUM 2026 Shift Forward: Overcoming Challenges เวที Panel Discussion: Sustainable Mobility ขับเคลื่อนเมืองสีเขียวอย่างยั่งยืน  จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และเครือเนชั่น ได้มีการนำเสนอวิสัยทัศน์จากสองผู้เล่นหลักในตลาด

ไทยสมายล์-แกร็บ จี้รัฐ! ปลดล็อก 3 ด้าน ดัน EV สร้างเมืองสีเขียว ยุทธศาสตร์สีเขียว จาก EV 100% สู่การสร้างรายได้คาร์บอน

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงจุดยืนในการเป็น "กรีน" ตั้งแต่รากฐาน โดยชูความสำเร็จในการปลดระวางรถโดยสาร NGV ที่มีอยู่ทั้งหมด 360 คัน เพื่อเปลี่ยนเป็นกองทัพรถโดยสาร EV 100% จำนวน 2,350 คัน และเรือไฟฟ้า 45 ลำ ครอบคลุม 124 เส้นทาง

ไทยสมายล์-แกร็บ จี้รัฐ! ปลดล็อก 3 ด้าน ดัน EV สร้างเมืองสีเขียว การเดินหน้าสู่กรีนโมบิลิตี้ของ ไทยสมายล์บัส ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้บริการในปัจจุบัน แต่ยังขยายโครงสร้างพื้นฐานอีกกว่า 1,000 คัน ไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เช่น โคราช ขอนแก่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Green Tourist)

พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตอกย้ำภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว ด้วยการเป็นผู้ประกอบการรายแรกของโลกที่ขายคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 500,000 ตัน ภายใต้ข้อกำหนด Article 6.2

Grab ชูโมเดล 3P ผนวก AI สร้างอีโคซิสเต็มที่ยั่งยืน

ด้านนางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย  กล่าวว่าแนวคิดของ Grab  ในการเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่ภายใต้หลัก 3P (Performance, People, Planet) โดย  แพลตฟอร์มของ Grab ทำหน้าที่เชื่อมโยงความต้องการของผู้บริโภคเข้ากับผู้ให้บริการ ซึ่งการเติบโตของออเดอร์ (Performance) จะนำไปสู่ความสุขและรายได้ที่เพิ่มขึ้นของคนในอีโคซิสเต็ม (People) และสุดท้ายจะนำไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Planet)

ไทยสมายล์-แกร็บ จี้รัฐ! ปลดล็อก 3 ด้าน ดัน EV สร้างเมืองสีเขียว

แกร็บ ประเทศไทย ใช้เทคโนโลยีและ AI ในการบริหารจัดการเส้นทางและลดระยะทางในการขับขี่ (Distance) เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เช่น ฟีเจอร์ Saver Delivery ที่ช่วยพ่วงออเดอร์ นอกจากนี้ ยังมีการขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น การมีผู้ใช้กว่า 100,000 คน เลือกใช้ฟีเจอร์ที่ระบุให้รถ EV มารับ และมีออเดอร์ GrabFood ประมาณ 400 ล้านออเดอร์ ที่เลือก "ไม่รับช้อนซ่อมพลาสติก"

Financial Inclusion และสิทธิประโยชน์เพื่อคนขับและผู้โดยสาร

การเปลี่ยนผ่านสู่ EV เป็นสิ่งที่คนขับต้องการ เนื่องจากช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้มากถึง 700-800 บาทต่อวัน แกร็บ ประเทศไทย จึงได้ช่วยคนขับในด้าน Financial Inclusion โดยใช้ข้อมูลการทำงานมาสร้างเป็น Risk Model เพื่อปล่อยสินเชื่อได้เอง ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินสด หรือโปรแกรมสนับสนุนการเป็นเจ้าของรถ EV ในรูปแบบการเช่าซื้อหรือผ่อน

ขณะที่ ไทยสมายล์บัส ก็มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะพนักงานขับรถกว่า 6,000 ชีวิต และเตรียมสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคด้วยแคมเปญ "เก็บคาร์บอน" ที่ผู้ใช้สามารถนำปริมาณคาร์บอนที่สะสมไปแลกสิทธิประโยชน์กับพันธมิตร หรือนำไปปลูกต้นไม้ได้ในต้นปีหน้า

เรียกร้องภาครัฐ ต้องชัดเจนทั้งกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐาน และสินเชื่อ

ไทยสมายล์-แกร็บ จี้รัฐ! ปลดล็อก 3 ด้าน ดัน EV สร้างเมืองสีเขียว

ทั้งสองผู้บริหารเห็นตรงกันว่า การผลักดัน Sustainable Mobility ต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยมี 3 ประเด็นหลักที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน:

  1. โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure): รัฐต้องช่วยลดความกังวลของคนขับ (Range Anxiety) โดยการสนับสนุน Charging Station และสำหรับรถโดยสารสาธารณะขนาดใหญ่ ต้องการความชัดเจนและสนับสนุนเรื่องสถานีจอดรถ (ที่พักพิงรถ)
  2. ความชัดเจนทางกฎหมายและนโยบาย: ไทยสมายล์บัส เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความ ชัดเจนของกฎหมาย และมีมาตรการจูงใจ (Incentive) สำหรับธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน โดยชี้ว่าการเปลี่ยนนโยบายบ่อยครั้งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและพนักงานในองค์กร ขณะที่ แกร็บ ประเทศไทย ขอให้พิจารณาเรื่อง Subsidy เพื่อให้คนขับเข้าถึงรถ EV ได้ง่ายขึ้น
  3. Financial Inclusion: ภาครัฐควรมีมาตรการที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อรถ EV ได้ง่ายขึ้น โดยทั้ง 2  บริษัทเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น PM 2.5 ต้องแก้ที่ต้นเหตุ และภาครัฐต้องทำหน้าที่เป็นลีดเดอร์ที่แข็งแกร่งในการร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างแท้จริง