Everyday Action สู่ Net Zero กลยุทธ์ 3 องค์กรสร้าง Value ธุรกิจยั่งยืน

Sustainability Forum 2026 ที่จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2568 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ได้รับเกียรติ ดร.ธัญญพร กริชติทายาวุธ ผู้อำนวยการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact) นางสาวศศินิภา ชูเชิด จุละจาริตต์ Corporate Director of Sustainability and Compliance จากชีวาศรม และ นายชยาธร ฉันท์เรืองวณิชย์ หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนและ ESG จาก PwC ประเทศไทย มาแชร์ประสบการณ์ภายใต้หัวข้อ "Everyday Actions for a Sustainable Future"

ดร.ธัญญพร กล่าวว่า Sustainability และ ESG และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแง่มุมการดำเนินธุรกิจขององค์กรทั่วโลก โดยการที่ UN Global Compact ได้รับมอบหมายให้นิยามคำว่า Sustainability และผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ ดำเนินการตามหลักการที่ยั่งยืน

Sustainability หมายถึงการสร้างสมดุลระหว่างการใช้ทรัพยากรและการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ในระยะยาว ส่วน ESG (Environmental, Social, and Governance) เป็นกรอบที่ใช้ในการประเมินการดำเนินงานของธุรกิจในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี โดยการเปิดเผยข้อมูลและการจัดการความเสี่ยงอย่างโปร่งใส

การขับเคลื่อนแนวทาง Forward Faster ในปี 2026-2030 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การลดการปล่อยคาร์บอน (Low Carbon), ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality), การเงินที่ยั่งยืน (Sustainable Finance), ความยืดหยุ่นของแหล่งน้ำ (Water Resilience), และการสร้างค่าตอบแทนที่เป็นธรรม (Fair Compensation)

นางสาวศศินิภา กล่าวว่า ชีวาศรม ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง เช่น การใช้วัสดุจากแหล่งท้องถิ่นและการลดการใช้พลังงาน

มีโครงการด้านการส่งเสริมชุมชนโดยการสนับสนุนอาชีพและการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การจัดเวิร์กช็อปให้แขกได้มีส่วนร่วม ชีวาสมยังมีโครงการการปลูกป่าอนุรักษ์ระบบนิเวศ โดยมีการตั้งเป้าปลูกต้นไม้มากกว่า 1,000 ต้นต่อปีในพื้นที่หัวหิน

ชีวาศรม มุ่งพัฒนาระบบการจัดการที่มีมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน LEED และการเปิดเผยข้อมูลผ่าน Sustainable Report เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในมาตรฐานด้านความยั่งยืน

นาย ชยาธร กล่าวว่า แนวโน้มความเสี่ยงระดับโลกที่มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการพัฒนาองค์กรให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในระยะยาว สำหรับเทรนด์ความเสี่ยงระดับโลกที่สำคัญ ได้แก่

• Climate Change: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในการผลิตและการขนส่ง
• Technology Disruption: การแทรกแซงของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI ที่จะมีผลกระทบต่อแรงงานและโครงสร้างของตลาดแรงงานในอนาคต
• Demographic Shift: การเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการจัดการแรงงานและการพัฒนาคุณภาพชีวิต

PwC ได้ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 โดยมีแคมเปญลดคาร์บอนจากการเดินทางของพนักงาน รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม