sustainable

ตุรกีลุ้นเจ้าภาพ COP31 โลกตั้งคำถามความพร้อมด้านสภาพภูมิอากาศ

In Brief

  • เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (NDC) ของตุรกียังไม่เพียงพอ โดยการปล่อยก๊าซที่แท้จริงยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวังจากประเทศเจ้าภาพ COP
  • นโยบายพลังงานของตุรกีมีความขัดแย้ง โดยมีการลดเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนลง แต่ยังคงมีแผนสร้างและให้เงินอุดหนุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งบั่นทอนความน่าเชื่อถือ
  • เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ ตุรกีจำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยเฉพาะการประกาศยุติการใช้ถ่านหินและตั้งเป้าหมายพลังงานสะอาดที่สูงขึ้น

ในขณะที่ตุรกียังคงเดินหน้าผลักดันการเป็นเจ้าภาพ COP31 ประเทศควรพิจารณาด้วยว่า เจ้าภาพ COP ถูกคาดหวังว่าจะต้องแสดงความทะเยอทะยานที่เทียบเท่ากับสิ่งที่เรียกร้องจากประเทศอื่น หากต้องการรับบทบาทผู้นำอย่างมีความน่าเชื่อถือ ตุรกีจำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานภายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพันธสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม Nationally Determined Contribution (NDC) ล่าสุดที่ประธานาธิบดีแอร์โดอันประกาศที่นิวยอร์ก ยังคงต่ำกว่าระดับที่จำเป็น NDC ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซลง 42% ภายในปี 2035 เมื่อเทียบกับเส้นทาง “business as usual” แต่เนื่องจากเส้นฐานดังกล่าวตั้งสมมติฐานว่าการปล่อยก๊าซจะเพิ่มขึ้นราวสองเท่าของอัตราในอดีต ผลลัพธ์คือระดับการปล่อยก๊าซยังคงเพิ่มขึ้นอีก 16% เทียบกับปี 2023 ซึ่งขัดแย้งอย่างชัดเจนกับเป้าหมายของสหภาพยุโรปที่ต้องการลดการปล่อยลงมากกว่าครึ่งจากระดับปี 1990 สะท้อนช่องว่างด้านความทะเยอทะยานระหว่างสองเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น

เกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกของตุรกีมุ่งสู่ยุโรป ทำให้การปรับตัวเข้ากับนโยบายการค้าของสหภาพยุโรปเป็นแรงผลักสำคัญต่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศของตุรกี กลไก Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ที่กำลังจะมีผลใช้บังคับ ได้กระตุ้นให้เกิดความคืบหน้ารวดเร็วตั้งแต่การให้สัตยาบันต่อความตกลงปารีส ไปจนถึงการจัดทำแผนราคาคาร์บอน อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมกลับชะลอตัวลงเมื่อความเชื่อมั่นต่อการบังคับใช้ที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปลดลง การพึ่งพากฎที่อ่อนลงถือเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยง ในทางกลับกัน การลดการปล่อยก๊าซภาคอุตสาหกรรมและการขยายพลังงานสะอาดจะช่วยส่งสัญญาณด้านความสามารถในการแข่งขันและความมั่นคงที่ชัดเจนกว่า และช่วยเสริมความพร้อมของเศรษฐกิจตุรกีในอนาคต

เป้าหมายพลังงานหมุนเวียนของตุรกียังมีแนวโน้มอ่อนแรงลง

เมื่อเพียงสองปีก่อน ตุรกีตั้งเป้าไว้ที่ 120 GW ของพลังงานลมและแสงอาทิตย์ภายในปี 2035 แต่แผนปัจจุบันกลับลดลงเหลือ 82 GW ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ราว 3.2 GW ยังคงอยู่ในแผนระยะยาว และยังไม่มีการประกาศยุติ “no new coal” เงินอุดหนุนถ่านหินล่าสุดระบุว่าจะรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินภายในประเทศในอัตราคงที่จนถึงปี 2030 และขยายการรับประกันในลักษณะเดียวกันให้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ไปจนถึงช่วงกลางทศวรรษ 2040

นโยบายเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการล็อกอินถ่านหินและเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนผ่าน การเดินหน้าต่อกับถ่านหินและการขาดแผนเลิกใช้ถ่านหินอย่างชัดเจนยังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเป้าหมาย net-zero ปี 2053 ของตุรกีอีกด้วย

แม้พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งของตุรกี แต่แผนระยะยาวยังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงนำเข้า สัญญา LNG ใหม่ที่ขยายไปถึงช่วงทศวรรษ 2040 และโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Akkuyu เพิ่มการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิง และอาจลดความยืดหยุ่นของระบบเมื่อระบบพลังงานโลกเดินหน้าลดคาร์บอน

นโยบายภายในประเทศของตุรกีจะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็จะเป็นตัวชี้ความน่าเชื่อถือของประเทศในฐานะผู้นำที่ COP31 ด้วย การตัดสินใจในช่วงหลายเดือนข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดว่าตุรกีจะสามารถขยับจากความคืบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป ไปสู่การลดการปล่อยก๊าซระดับเศรษฐกิจที่ชัดเจนวัดผลได้หรือไม่

แม้แผนปัจจุบันจะยังไม่ถึงระดับความทะเยอทะยานที่คาดหวังจากเจ้าภาพ COP แต่ประตูสู่ความเป็นผู้นำยังไม่ได้ปิดลง ด้วยการดำเนินการอย่างเด็ดขาดในตอนนี้ ตุรกีสามารถเปลี่ยนความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็นภาวะผู้นำที่แท้จริงได้ โดยมีแนวทางดังนี้

เสริมความเข้มแข็งของธรรมาภิบาลด้านสภาพภูมิอากาศ

ร่างกฎหมายสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ของตุรกีเป็นฐานสำหรับการดำเนินการ แต่ถูกวิจารณ์จากภาคประชาสังคมว่าขาดความทะเยอทะยานและการมีส่วนร่วม เมื่อการดำเนินงานเกี่ยวกับ green taxonomy และระบบ Emissions Trading System (ETS) มีความคืบหน้า ตุรกีควรแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้และกำหนดเพดานการปล่อยก๊าซที่เข้มงวดและโปร่งใสมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รักษาเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน

การรื้อฟื้นเป้าหมาย 120 GW พลังงานลมและแสงอาทิตย์ภายในปี 2035 ควบคู่กับการอนุญาตที่รวดเร็วและการอัปเกรดโครงข่ายไฟฟ้าที่ทันเวลา จะส่งสัญญาณชัดเจนว่าตุรกีมุ่งมั่นต่อเป้าหมายระดับโลกในการเพิ่มกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่า และช่วยดึงดูดการลงทุน การจับคู่มาตรการเหล่านี้กับแผนจัดการระบบกักเก็บพลังงานที่ดีขึ้นจะช่วยใช้ประโยชน์จากศักยภาพพลังงานหมุนเวียนของตุรกีและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงนำเข้า

ยืนยันว่าถ่านหินไม่มีอนาคต

การประกาศอย่างชัดเจนว่า “no new coal” พร้อมแผนปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซระยะยาวและทำให้ตุรกีสอดคล้องกับแนวโน้มสภาพภูมิอากาศโลกมากขึ้น การสนับสนุนจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศสามารถช่วยฝึกอบรมแรงงานใหม่ สร้างงานใหม่ และลงทุนในการพัฒนาภูมิภาคเพื่อให้ชุมชนถ่านหินไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทิศทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับถ่านหินยังช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในการเปลี่ยนเม็ดเงินมายังพลังงานหมุนเวียนและอุตสาหกรรมใหม่ ช่วยสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและแข่งขันได้มากขึ้น