sustainable

TCMA-รัฐซัสแคตเชวัน แคนาดาดึงเทคโนโลยีชั้นสูงมุ่ง Net Zero 2050

In Brief

  • สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ร่วมมือกับรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
  • ความร่วมมือมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะด้านการดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS) และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
  • มีการพิจารณาจัดทำโครงการนำร่องในพื้นที่ "สระบุรี แซนด์บ็อกซ์" เพื่อใช้เป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำ และสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ

นายนภดล รมยะรูป อุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับกลยุทธ์การนไอุตสาหกรรมปูนซีเมนส์สู่ Net Zero ในปี 2050 โดยมุ่งเน้นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และเทคโนโลยีขั้นสูงการดักจับ-ใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และด้านพลังงานสะอาด

ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกับรัฐซัสแคตเชวัน แคนาดา (Saskatchewan) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ โดยถือเป็นการต่อยอดของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทย ในการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากลที่มีความเชี่ยวชาญ ที่จะร่วมกันยกระดับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยสู่เป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ปี พ.ศ. 2593

ทั้งนี้ ความร่วมมือนี้ดังกล่าว จะเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยให้เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 การเร่งยกระดับผลักดันการใช้เทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และการดักจับ-ใช้ประโยชน์จากคาร์บอน 

รวมถึงหากสามารถจัดทำโครงการนำร่องในสระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำ ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม (Public-Private-People Partnership: PPP) ซึ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว และเทคโนโลยีลดคาร์บอนก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ สามารถเป็นต้นแบบทั้งในประเทศและภูมิภาค หรือต่อยอดและขยายผลต่อไปอีกในอนาคต

TCMA-รัฐซัสแคตเชวัน แคนาดาดึงเทคโนโลยีชั้นสูงมุ่ง Net Zero 2050

“ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครอบคลุมการร่วมพัฒนา แลกเปลี่ยน และยกระดับองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ด้านการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เทคโนโลยีการดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน รวมถึงแสวงหาความเป็นไปได้ที่จะให้มีโครงการนำร่อง โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อขับเคลื่อนตามเป้าหมาย และจัดทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินการดำเนินงานต่อไป”

นายฮอน วอร์เรน เคดิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและการส่งออก รัฐซัสแคตเชวัน กล่าวว่า ซัสแคตเชวันมีความเชี่ยวชาญยาวนานในด้านเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์สู่ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ในการร่วมกันขับเคลื่อนลดก๊าซเรือนกระจกวาระสำคัญของโลก รวมถึงขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ”

นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมขั้นสูง ที่มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ซึ่งกรมฯ จะสนับสนุนโดยผสานโอกาสทางเศรษฐกิจและประโยชน์ทางสังคมไปพร้อมกัน และให้ทุกฝ่ายร่วมการทำงานในทิศทางเดียวกัน ยกระดับนโยบายและแผนสู่การปฏิบัติจริง สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม