sustainable

ทำความรู้จักสตาร์ทอัพลดคาร์บอนตัวจริง พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่โอกาสธุรกิจใหม่

เปิดตัวสตาร์ทอัพจาก Decarbonize Thailand Symposium 2025 ที่มีเป้าหมายลดผลกระทบโลกร้อน และส่งเสริมการเติบโตเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

รายงานของ Bain & Temasek คาดการณ์ว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส ภายในปี 2613 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 70 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ( 2.2 พันล้านบาท) โดยเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เปราะบางต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากที่สุด

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสีเขียวในภูมิภาคนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (10.5 ล้านล้านบาท) ต่อปีภายในปี 2573 หรือประราว 5% ของ GDP รวมทั้งภูมิภาค

ทำความรู้จักสตาร์ทอัพลดคาร์บอนตัวจริง พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่โอกาสธุรกิจใหม่

จากงานนี้ ขอพาไปทำความรู้จักกับสตาร์ทอัพน่าจับตามอง ที่มีแนวทางเฉพาะในการลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืนพร้อมคำถามชวนคิดส่งท้ายว่า “ถ้าเปลี่ยนคาร์บอนเป็นอะไรก็ได้ คุณอยากเปลี่ยนให้มันเป็นอะไร”

สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นที่มุ่งไปถึงการสร้าง ‘ดวงอาทิตย์จำลองบนโลก’ เพื่อเป็นพลังงานสะอาดสูงสุดแห่งอนาคต

เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นเหมือน ‘ดวงอาทิตย์จำลองบนโลก’ เพื่อเป็นผลิตพลังงานแห่งอนาคต” Takaya Taguchi ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Helical Fusion เริ่มเล่าถึงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันที่บริษัทกำลังพัฒนา เพื่อเป็นแหล่งพลังงานอนาคตที่ไม่ปล่อยคาร์บอน ไม่มีของเสียกัมมันตรังสีระดับสูง

และใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงอันอุดมสมบูรณ์จากน้ำทะเล จุดเด่นคือการใช้เตาปฏิกรณ์แบบ Helical Stellarator ซึ่งควบคุมพลาสมาด้วยขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเกลียวคู่ที่สร้างสนามแม่เหล็กแรงสูงช่วยให้เดินเครื่องได้ต่อเนื่อง ปลอดภัย และบำรุงรักษาได้ง่าย

ทำความรู้จักสตาร์ทอัพลดคาร์บอนตัวจริง พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่โอกาสธุรกิจใหม่

บริษัทตั้งเป้าสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานฟิวชันแบบ steady-state แห่งแรกของโลกให้แล้วเสร็จภายในปี 2577และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงทศวรรษ 2040

“คาร์บอนเป็นพลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าของมนุษยชาติมายาวนาน แต่ตอนนี้ ผมเชื่อว่าถึงเวลาที่จะจินตนาการใหม่ให้มันกลายเป็นสื่อแห่งการแสดงออกของมนุษย์ ด้วยพลังงานฟิวชัน เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่ไม่จำเป็นต้องเผาผลาญคาร์บอนอีกต่อไป ปลดปล่อยมันให้กลายเป็นแหล่งของความสร้างสรรค์แทน”

CHOSEN กับเทคโนโลยีบริหารจัดการพลังงาน 

ในยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตอย่างก้าวกระโดด CHOSEN สตาร์ทอัพสัญชาติไทยจึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พร้อมรองรับการชาร์จจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ ใน 2 ด้าน คือ หนึ่ง พัฒนาแพลตฟอร์มจัดการสถานีชาร์จ EV ที่รองรับอุปกรณ์หลากหลายแบรนด์และจัดการผ่านระบบเดียวได้ง่าย

และ สอง พัฒนาเทคโนโลยีควบคุมโหลดการชาร์จไฟฟ้า ช่วยลดความเสี่ยงของไฟฟ้าดับจากการใช้ปริมาณไฟเกิน โดยไม่ต้องลงทุนหม้อแปลงใหม่ “เราทำหน้าที่เหมือนคนจัดการจราจรของพลังงานไฟฟ้า” วรพจน์ รื่นเริงวงศ์ ผู้ก่อตั้ง CHOSEN กล่าว

ทำความรู้จักสตาร์ทอัพลดคาร์บอนตัวจริง พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่โอกาสธุรกิจใหม่

นอกจากนี้ CHOSEN ยังมองไกลถึงระบบนิเวศของพลังงานในระดับภูมิภาค โดยมีแผนเชื่อมโยงการบริหารพลังงานข้ามประเทศในอาเซียน เพื่อรองรับอนาคตที่ผู้คนสามารถขับรถ EV ข้ามพรมแดนได้ ปัจจุบันได้มีการทดลองระบบร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดพลังงานได้สูงสุดถึง 70%  พร้อมเริ่มขยายไปยังลาว มาเลเซีย และเวียดนาม หลังคว้ารางวัลนวัตกรรมจากหลายเวทีระดับนานาชาติ

LOCOL สตาร์ทอัพไทยที่เปลี่ยนโกโก้ตกเกรดให้เป็นอาหารวัวลดมีเทน เพื่อปศุสัตว์ที่อยู่ร่วมกับโลกได้

เพราะวงการปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณมหาศาล และมีเทนคือก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80 เท่าในช่วง 20 ปีแรกที่อยู่ลอยในชั้นบรรยากาศ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ LOCOL พัฒนาอาหารเสริมสำหรับวัวที่สกัดจากผลโกโก้ตกเกรดเหลือทิ้งในประเทศไทย

โดยมีการวิจัยรับรองว่าสามารถลดการปล่อยมีเทนจากระบบย่อยของวัวได้ถึง 44.52% “ที่สำคัญคือ โกโก้เหล่านี้ไม่ต้องปลูกเพิ่ม และไม่เพิ่มคาร์บอนฟุตพรินต์” หทัยธนิต ธงทอง ผู้ร่วมก่อตั้ง LOCOL อธิบายเพิ่มเติม ปัจจุบัน LOCOL มีผลิตภัณฑ์สองรูปแบบให้เกษตรกรเลือกใช้ คือ คือ Pre-Mix (ผสมในอาหาร) และ Lick Block (ก้อนแร่ธาตุให้วัวเลีย) โดยเริ่มจากการทดลองในจังหวัดน่าน และเตรียมขยายสู่พื้นที่อื่นในไทย

แม้ยังเป็นทีมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แต่ LOCOL มีเป้าหมายไกลกว่าการลดก๊าซมีเทน พวกเขาอยากเปลี่ยนวิธีคิดของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศเขตร้อนผ่านโมเดลธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบเหลือใช้จากท้องถิ่น และเตรียมวางระบบเก็บข้อมูลเพื่อรองรับการเคลมคาร์บอนเครดิตในอนาคต พร้อมต่อยอดไปยังภูมิภาคอื่นที่มีของเสียคล้ายกัน

ถ้าสามารถเปลี่ยน “คาร์บอน” ให้เป็นอะไรก็ได้ หทัยธนิตอยากให้เปลี่ยนเป็น “เม็ดเงิน เพื่อนำไปลงทุนในโซลูชันดีๆ ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนให้หายไป”