บอร์ด บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น BCP อนุมัติเข้าซื้อหุ้น 65.99% จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ExxonMobil หากดีลแล้วเสร็จจะทำ Tender Offer หุ้นส่วนที่เหลืออีก 34.01% ในราคาเดียวกับ ราคาที่ซื้อ ESSO ในดีลซื้อขายหุ้นครั้งนี้ ผู้บริหารระบุว่า เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย และเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น
อย่างที่เราทราบกันดี ว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นผลทางตรงหรือทางอ้อมจากกิจกรรมของมนุษย์ ที่ทำให้องค์ประกอบของบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า และยังทำให้อุณหภูมิสูงหรือต่ำผิดปกติ ฝนตกหนัก ฝนแล้ง ลมพายุรุนแรง เป็นต้น
สำหรับ "ภาคธุรกิจ" ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อปัญหาภาวะโลกร้อน ขณะเดียวกันก็เป็นความหวังในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
วันนี้ฐานเศรษฐกิจจะพาไป ส่องเส้นทาง Net Zero บางจาก ขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจโรงกลั่นของประเทศสำหรับ บางจาก การดำเนินการด้าน ESG ของ BCP ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) มาตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการการ เปลี่่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้มีการเข้าร่วม โครงการ Carbon Footprint for Organization และโครงการพัฒนากลไกเชิง เศรษฐศาสตร์ เพื่อกำหนดราคาคาร์บอนและการลงทุนเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เป้าหมาย คือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปีค.ศ. 2030 รวมทั้งยังมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net-Zero) ในปีค.ศ. 2050 อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังวางแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจสีเขียวมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร่วมจัดตั้ง เครือข่ายตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วยการก่อตั้ง Carbon Markets Clubs และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ Thailand Synthetic Biology Consortium
ทั้งยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตโดยนำ พลังงานสะอาด คือ ก๊าซธรรมชาติ มาใช้ผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิกหลักในกระบวนการกลั่นน้ำมัน ทดแทนการใช้น้ำมันเตา จำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นด้วยการผลิต น้ำมันดีเซลที่มีค่ากำมะถันต่ำกว่า 10 PPM และค่ากำมะถันลดลงถึง 5 เท่า เพื่อลดปัญหา ฝุ่นละออกจากการเผาไหม้
นอกจากนี้ยังมีการใช้ทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3R (Reduce, Reuse, Recycle) และลดการใช้พลาสติกรวมถึงปรับใช้บรรจุภัณฑ์จาก พลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Bio- Cup) มาอย่างต่อเนื่อง