ฟุตบอลทีมชาติไทย ภายใต้การนำทัพของกุนซือคนใหม่ แอนโธนี ฮัดสัน เตรียมลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง International Match ไทย VS สิงคโปร์ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามธรรมศาสตร์ สเตเดียม โดยการแข่งขันเกมนี้จะเป็นแมตซ์อุ่นเครื่องก่อนที่แข้งช้างศึกจะลงสนามในรายการเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่ม D นัดที่ 5 ที่ไทยจะบุกไปเยือน ศรีลังกา ทั้งนี้แฟนบอลไทยสามารถตรวจสอบโปรแกรมการแข่งขันสำหรับเกมอุ่นเครื่อง และรายการเอเชียน คัพ 2027 พร้อมทั้งรายชื่อผู้เล่นทีมชาติไทยทั้ง 23 คนได้ที่นี่
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 (ฟุตบอลอุ่นเครื่อง)
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 (ฟุตบอลเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก)
สำหรับรายชื่อแข้งช้างศึก ล่าสุดสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศรายชื่อ 23 นักฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดทำการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ พบกับ สิงคโปร์ และ ทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 พบกับ ศรีลังกา ในวันที่ 13 และ 18 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การคุมทัพของ "แอนโธนี ฮัดสัน" หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวอังกฤษ โดยทั้ง 23 รายประกอบไปด้วย
ผู้รักษาประตู
1. กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล สโมสร ราชบุรี เอฟซี
2. ปฏิวัติ คำไหม สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
3. สรานนท์ อนุอินทร์ สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
กองหลัง
4. เควิน ดีรมรัมย์ สโมสร สลังงอร์ เอฟซี
5. สุพรรณ ทองสงค์ สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
6. ณัฐพงษ์ สายริยา สโมสร ชลบุรี เอฟซี
7. นิโคลัส มิคเกลสัน สโมสร เอสวี เอลเวอร์สแบร์ก
8. พรรษา เหมวิบูลย์ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
9. ศุภนันท์ บุรีรัตน์ สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
10. ศฤงคาร พรมสุภะ สโมสร สุโขทัย เอฟซี
กองกลาง
11. ชนาธิป สรงกระสินธ์ สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
12. ธีราทร บุญมาทัน สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
13. ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร สโมสร ราชบุรี เอฟซี
14. เบนจามิน เดวิส สโมสร อุทัยธานี เอฟซี
15. พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
16. สารัช อยู่เย็น สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
17. เสกสรรค์ ราตรี สโมสร ระยอง เอฟซี
18. สุภโชค สารชาติ สโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร
19. อนันต์ ยอดสังวาลย์ สโมสร ลำพูน วอริเออร์
กองหน้า
20. ศุภชัย ใจเด็ด สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
21. ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
22. จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ สโมสร กริมสบี้ ทาวน์
23. ธีรศิลป์ แดงดา สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
แอนโธนี ฮัดสัน หัวหน้าผู้ฝึกสอน ฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ เปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติในการประกาศรายชื่อนักฟุตบอลทั้ง 23 คน เป็นครั้งแรก อย่างที่ทราบกันดี ว่าเป็นช่วงเวลาทีท้าทาย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวผมรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในการประกาศรายชื่อครั้งนี้ เพราะอาจจะมีผู้เล่นบางคนทีไม่ได้มีชื่อในแคมป์นี้ ผมก็ได้ติดตามผู้เล่นหลายคน ทั้งฟอร์มการเล่นทั้งในลีก และบอลถ้วย ทุกคนต่างก็มีความสำคัญ ในการรับใช้ชาติครั้งต่อๆไป"
"ก่อนประกาศรายชื่ออยากพูดถึงนักกีฬาบางคนที่ไม่มีชื่อในครั้งนี้ อย่างรายแรกคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เป็นนักฟุตบอลที่น่าทึ่งและความสามารถสูงได้มีการพูดคุยกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และตัวนักกีฬาก็มีอาการบาดเจ็บ ก็คิดว่า ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปในการเรียกติดทีมชาติไทย ในครั้งนี้ อยากจะขอบคุณ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนตัวโค้ช ก็มีการพูดคุยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุน ให้ข้อมูลที่เป็นเชิงบวก สำหรับตัวผมและนักกีฬา"
"ส่วนอีกรายก็คือ โจนาธาร เข็มดี ซึ่งมีชื่ออยู่ในลิสต์ แต่เนื่องด้วยปัญหาเอกสาร พาสปอร์ต ที่ต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ดังนั้นจึงได้ตกลงกับนักกีฬา ว่าช่วงเวลานี้น่าจะเหมาะสมที่สุดในการกลับไปทำเอกสารให้เรียบร้อย ก็คาดหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกครั้ง และอยากพูดถึงเรื่องนักกีฬาที่เป็นพิเศษ นั่นก็คือ จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ ซึ่งผมก็ได้ทำงานในฐานะผู้อำนวยการเทคนิค มีประสบการณ์ในหลายช่วงอายุกับทีมชาติไทย และทำงานกับชาติต่างๆ ผมคิดว่าสิ่งสำคัญในเคสนี้ ในการพัฒนาขุมกำลังในเชิงลึก และทำให้ทีมมีความหลากหลายในการเลือกนักกีฬามากขึ้นหลังจากนี้ ตัวผมก็พยายามเข้าถึง ในกระบวนการนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพของขุมกำลังในอนาคต ส่วนตัวผู้เล่นในประเทศก็ยังมีส่วนสำคัญ ก็พยายามติดตามในการทำงานหลังจากนี้เป็นต้นไป"
"ในส่วนของแฟนบอล เกี่ยวกับปัญหาในช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความลับที่ต้องปกปิดอะไร สำหรับ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีข่าวออกมามากมาย ผมก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจ ความรู้สึกของแฟนบอลทุกท่าน ผมก็เข้าใจในมุมมองของแฟนบอล ที่รักและแคร์ในทีมชาติไทย ของทุกคน ตัวผมก็ไม่ได้ขอร้องให้มาซัพพอร์ต หรือเห็นด้วยในมุมมองของผม แต่อยากให้แฟนบอลสนับสนุนนักฟุตบอลทีมชาติไทย เพราะเป้าหมายของเราคือการเข้ารอบเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย หลังจากที่ทำได้ ผมจะพยายามสร้างความประทับใจให้กับทุกคน อยากให้ทุกคนภาคภูมิใจในชาติของเรา ในช่วงหลังจากนี้"
"สามเกมหลังจากนี้ เป็นเกมที่ค่อนข้างซับซ้อน มีความแตกต่างในเรื่องประเภทคู่ต่อสู้ ถ้ามีเวลาเตรียมทีมมากพอ ด้วยคุณภาพของนักกีฬา ผมมั่นใจว่าเป้าหมายของเราคือการเข้ารอบต่อไปของเอเชียน คัพ ก่อนหน้านี้ตัวผมมีประสบการณ์เป็นผู้อำนวยการเทคนิคของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประสบการณ์ในการทำงานกับทีมชาติต่างๆก่อนหน้านี้ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการพัฒนาขุมกำลังทั้งเชิงลึก ที่จะสร้างการแข่งขันในชาติ และในแคมป์ ไม่ใช่แค่ตัวผู้เล่น แต่ทำให้ตัวผมตัดสินใจได้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศการแข่งขันภายในแคมป์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม นี่คือเหตุผลที่ผมพยายามติดตามนักเตะเหล่านี้ เพราะนักกีฬาเหล่านี้มีศักยภาพที่จะทำให้ทีมชาติไทย ไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ข้อสำคัญต่อมา การเรียกนักกีฬาแต่ละครั้ง อิงจากแคแรคเตอร์ และสไตล์การเล่นที่ตอบสนองกับตัวผม รวมถึงการให้ข้อมูลของผมภายในแคมป์ จากที่อิงมา จากนักกีฬาชุดเดิมก็มีคุณภาพ และศักยภาพ การได้ จู๊ด เบลล์ มาในครั้งนี้ ไม่ได้รับใช้ชาติอย่างเดียว อย่างให้ จู๊ด เข้ามาสอดแทรก และยกระดับคุณภาพของทีมชาติไทย ให้มีศักยภาพมากกว่าเดิม ตอนนี้เอกสารของจู๊ด ทั้งหมดได้ส่งมาที่สมาคมฯ และฟีฟ่า ครบถ้วนแล้ว คิดว่าน่าจะไปทิศทางที่ดีในเรื่องของเอกสารของนักกีฬา ผมก็มีนักฟุตบอลในใจ ที่จะเข้ามาทดแทน ในกรณีที่เอกสารไม่ทันจริงๆ"
"สำหรับเคส วีระเทพ เป็นเคสที่ตัดสินใจได้ยากลำบากมากๆ ฟอร์มการเล่นของวีระเทพ ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถ ทัศนคติที่ดีเยี่ยม รวมถึงความดุดันในการเล่น ก็ทำให้ตัวผมตัดสินใจได้ยากลำบาก แน่นอนว่าในอนาคต วีระเทพ จะมีชื่อและเป็นส่วนร่วมในครั้งต่อๆไป แต่ในฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ ผมก็ขอเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่น ในแผงมิดฟิลด์ แต่วีระเทพ คือนักกีฬาที่ดีมากๆ"
"เรามีผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คทั้งหมด 3 คน และในรายของนิโคลัส มิคเกลสัน ก็สามารถเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผมก็หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น คิดว่าธีราทร ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ผมก็ได้มีการเตรียมคำถาม ในเรื่องของการเรียกนักกีฬาซีเนียร์กลับมาติดทีมชาติไทย ผมมีความเชื่อว่าอย่าง ธีราทร เป็นกองกลางที่ดีที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง และที่ทุกคนทราบจากฟอร์มการเล่นในตำแหน่งกองกลาง ส่วนที่ผมประทับใจก็คือการครอบครองบอล มีความสุขุม มีความสามารถในการเอาบอลไปข้างหน้า เอาชนะไลน์ คู่ต่อสู้ สร้างโอกาสเอาบอลไปในพื้นที่สุดท้ายอยู่เสมอ"
แอนโธนี กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกนักเตะซีเนียร์ว่า "การเรียกนักกีฬาซีเนียร์ มีเหตุผลหลักๆประมาณ 3 ข้อ ข้อแรกก็คือตัวธีรศิลป์ อย่างที่ทุกคนเห็นฟอร์มการเล่น ในลีกหรือเอฟเอ คัพ ค่าเฉลี่ยแทบจะมีประตูทุกเกม ธีรศิลป์ จะมีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยเก็บชัยชนะได้ ยกตัวอย่างหากมีสถานการณ์คับขัน ต้องฝากบอลไว้ที่ใครสักคนในแดนสุดท้าย ในช่วงท้ายเกม ถ้าคนนั้นคือ ธีรศิลป์ ผมก็รู้สึกสบายใจ
ขณะที่ในรายของ ธีราทร และ สารัช ก็มีสไตล์ในตำแหน่งกองกลางที่แตกต่างกัน มีประสบการณ์ ในเรื่องของธีราทรก็ได้พูดไปแล้ว ขณะที่สารัช สไตล์การเล่นและฟอร์มการเล่นในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังคงเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่นักกีฬาที่เชื่อมแดนหลังกับแดนกลาง หรือแดนกลางไปสู่แดนบนอย่างเดียว แต่ตัวสารัช เป็นคนที่มีระเบียบวินัย เข้าใจแทคติกที่ผมอยากจะใส่เข้าไปได้ดีเยี่ยม และมีความรับผิดชอบ ในแต่ละนัดในหน้าที่ของตัวเองที่สูง
และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ตั้งแต่ผมทำหน้าที่เป็นโค้ชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แนวทางที่ผมอยากจะทำและทำมาตลอด คือการผลักดันนักกีฬาดาวรุ่งมาเรื่อยๆหลังจากนี้ในอนาคต ผมเข้าใจมุมมองทุกคน ว่าควรจะมีการสอดแทรกเยาวชน เพื่อต่อยอดไปสู่อนาคต แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกครั้ง เมื่อนำนักกีฬาดาวรุ่งเข้ามาในแคมป์ทีมชาติไทย เราจำเป็นต้องมีนักกีฬาที่มีประสบการณ์สูง เพื่อสนับสนุนผู้เล่นเยาวชนเพื่อก้าวมาเล่นในทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะเกมเยือน เรื่องวัฒนธรรม สภาพอากาศ และสิ่งรอบข้าง รวมถึงแรงกดดัน นักกีฬาที่มีประสบการณ์ เมื่อเจอกับ สถานการณ์ที่แตกต่างออกไป นักกีฬาเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักกีฬาเยาวชนที่จะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติชุดใหญ่ ในอนาคต เพื่อรับมือสถานการณ์เหล่านี้ ในช่วงเวลาเหล่านี้ที่มีแรงกดดันมากมาย ทั้งเกมเยือนหรือเกมที่รับมือค่อนข้างยาก หรือบางเกมที่ต้องเปลี่ยนดาวรุ่งลงไป นักกีฬาซีเนียร์จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับดาวรุ่ง ว่ามีวิธีการรับมืออย่างไร เตรียมตัวสภาพร่างกายและสภาพจิตใจอย่างไร"
"เรามีเวลาค่อนข้างน้อย อย่างเกมกับสิงคโปร์ ที่มีเวลาแค่ 2-3 วันในการซ้อมหรืออยู่ร่วมกัน สิ่งที่ผมจะพยายามทำ คือพัฒนาในทุกภาคส่วนของทีมชาติ เพื่อให้เดินไปข้างหน้า อิงจากโปรไฟล์ และความสามารถของผู้เล่นของคนไทยที่เรามี ก็อยากใช้ระบบกองหลัง 4 คน ถ้าย้อนไปถึงตอนที่ผมทำงานกับ บีจี เหตุผลที่ผมปรับเปลี่ยนระบบเป็นกองหลัง 3 คน เป็นเพราะว่ามีนักกีฬาบาดเจ็บ และตอนนั้นทีมก็มีกองหลังที่มีคุณภาพค่อนข้างเยอะ นั่นคือเหตุผลที่ผมวางระบบกองหลัง 3 คน เวลานั้น ณ ตอนนี้ ทีมงานสตาฟโค้ชก็มีความพร้อม แต่หลังจบเบรคทีมชาติรอบนี้ อาจจะมีตำแหน่งที่จะต้องเสริมเพิ่มเติม 2-3 ตำแหน่ง แต่ตอนนี้ถือว่าครบและเพียบพร้อม"
ที่มาข้อมูล-ภาพ