กรมการข้าว ถอดรหัสความสำเร็จ “แปลงใหญ่”ต่อยอดข้าวมูลค่าสูง

21 ส.ค. 2568 | 03:47 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ส.ค. 2568 | 03:58 น.

การขับเคลื่อนเกษตรแบบแปลงใหญ่ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หากยังเป็นกลไกสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในภาคการเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาและเสริมความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก

“กรมการข้าว” เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจสำคัญในการดูแลพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว สถาบันเกษตรกรให้กินดีอยู่ดี มีรายได้มั่นคง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยกระดับสินค้าเกษตร การต่อยอดจากระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ผลักดันส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่โครงการสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ปี 2568 เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าวตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล “ตลาดนำการผลิตนวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่จะสามารถยกระดับรายได้ครัวเรือนให้ชาวนา หยิบยก 3 ตัวอย่าง โมเดลสู่ความสำเร็จ

เริ่มจาก นายวันนา บุญกลม ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย ประจำปี 2568 ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าววิสาหกิจชุมชนผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ จังหวัดอำนาจเจริญ  กล่าวว่า โครงการนี้เกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรที่ตระหนักถึงผลกระทบจากสารเคมีที่มีผลกระทบด้านสุขภาพ และปัญหาเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ผลผลิตข้าวที่ได้ลดน้อยลง  จึงร่วมกันปรับเปลี่ยนสู่การผลิตข้าวอินทรีย์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 

กรมการข้าว ถอดรหัสความสำเร็จ “แปลงใหญ่”ต่อยอดข้าวมูลค่าสูง

ต่อมาได้ขยายการดำเนินงานในรูปแบบ “แปลงใหญ่” ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมตั้งเป้าเป็นต้นแบบการผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจรที่สร้างรายได้มั่นคง เชื่อมโยงเกษตรกรท้องถิ่นสู่ระบบเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน

 “จากผลการดำเนินงานสามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ย 19% จาก 5,655 บาท/ไร่เหลือเพียง 4,590 บาท/ไร่ ผ่านการใช้เทคโนโลยี เช่น รถดำนา ปุ๋ยชีวภาพ และการวิเคราะห์ดินก่อนปลูก พร้อมทั้งเพิ่มผลผลิตได้ 16% เป็น 460 กก./ไร่ และสามารถจำหน่ายผลผลิตในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไปถึง 1,000 บาท/ตัน นอกจากนี้ข้าวอินทรีย์ยังได้ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายและส่งออก รวมถึงผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์คุณภาพให้กับเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วไปด้วย”

กรมการข้าว ถอดรหัสความสำเร็จ “แปลงใหญ่”ต่อยอดข้าวมูลค่าสูง

ถัดมา นางสาวกรียา สุไชยแสง เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำนา ประจำปี 2568 (ข้าวอินทรีย์นาภู) จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า “การจัดตั้งกลุ่มแปลงใหญ่เรานั้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพของสมาชิก พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยได้มาตรฐาน รักษาระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการผลิต เชื่อมโยงเครือข่ายทั้งด้านการผลิต การแปรรูปและการตลาด เพื่อรวบรวมผลผลิตสู่การแปรรูปและจำหน่าย และเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตข้าวครบวงจรของกรมการข้าว ตามนโยบายช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสู่สมาชิกเกษตรกร ทั้งนี้ ในส่วนกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า เน้นเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก พิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต โดยเฉพาะการคัดพันธุ์ นำผลผลิตมาตรวจสอบคุณภาพ ก่อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูป”

 นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก ข้าวต้มข้าวกล้องงอก โจ๊กข้าวกล้องงอก  ข้าวผงชงดื่ม ชาข้าว ขนมพื้นถิ่น  ยังสามารถเพิ่มมูลค่าจากเดิมสูงถึง 3 เท่า อีกทั้งในอนาคตยังมีเป้าหมายที่จะต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และเพื่อสุขภาพอีกหลายรายการ สู่มาตรฐานสินค้าและการส่งออก และทางเลือกของผู้บริโภค ในยุคการแข่งขันทางตลาดสูง อย่างไรก็ตามกรมการข้าวมีโครงการสินค้าเกษตรมูลค่าสูง สมาชิกกลุ่มเราต่างตื่นตัว สนใจเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก  เชื่อต่อไปว่าจะทำให้อาชีพทำนามีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน มากกว่าการทำนาปกติ

กรมการข้าว ถอดรหัสความสำเร็จ “แปลงใหญ่”ต่อยอดข้าวมูลค่าสูง

ปิดท้ายด้วย นายกิตติศักดิ์ สิงห์คำ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านมะยาง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ที่กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการรวมกลุ่มกันผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ก็ได้มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้องค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรอำเภอ หน่วยงานของกรมการข้าว หรือเจ้าหน้าที่จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555-2556 โดยเริ่มจากการสร้างความเข้าใจในเรื่องของ GAP การสร้างมาตรฐานให้กับข้าว การขอรับรองข้าวที่ได้มาตรฐาน และมาตรฐานอินทรีย์ รวมถึงมาตรฐานสากล เพื่อการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ เพื่อที่จะพัฒนากลุ่มให้กลายเป็นกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์แบบครบวงจร

 “มีการพัฒนาจากเดิมที่จัดจำหน่ายข้าวให้กับโรงสีทั่วไป หันมาสร้างเป็นแพ็กเกจและบรรจุขาย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวในแบรนด์ “ข้าวมะยางทอง” ทางกลุ่มยังได้ต่อยอดนำข้าวมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ข้าวกล้องงอก, โจ๊กข้าวกล้องงอกอินทรีย์เพื่อสุขภาพ เป็นต้น เน้นตลาดส่งออก ขายผ่าน Trade , ร้านขายผลิตภัณฑ์ OTOP และจำหน่ายทั้งหน้าร้าน และร้านค้า online ของกลุ่มนับว่าเป็นนโยบายสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง มุ่งมั่นสร้างความแตกต่างของตลาด และสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ ขาดทุนจากการทำนาอีกต่อไป”