AIS คว้ารางวัล WSIS Prize 2023 สาขาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต

16 มี.ค. 2566 | 04:46 น.

AIS คว้ารางวัล WSIS Prize 2023 โดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และ UN สะท้อนการทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมทักษะดิจิทัล

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS พาโครงการ “อุ่นใจ CYBER” เป็นตัวแทนประเทศในฐานะองค์กรไทยหนึ่งเดียว คว้ารางวัลด้านความยั่งยืนระดับโลก พร้อมติดอันดับ 1 ใน 5 จาก 1,800 โครงการทั่วโลก ในเวที WSIS Prize 2023 กับรางวัล Champion of WSIS Prize 2023 ในสาขาโครงการที่นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Building confidence and security in use of ICTs) ที่จัดขึ้นโดย สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) และองค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN)

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า โครงการ AIS อุ่นใจ CYBER มาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่การใช้งานอินเตอร์เน็ตและสื่อออนไลน์กำลังมีอัตราการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มมีปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจากการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเราเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายรายแรกๆ ที่ลุกขึ้นมาเป็นแกนกลางของสังคมในการสร้างเครือข่าย ผ่านการใช้พลังของพาร์ทเนอร์เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภัยไซเบอร์อย่างยั่งยืน และส่งเสริมสังคมการใช้งานดิจิทัลเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์ ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อคนไทย

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม

โครงการ AIS อุ่นใจ CYBER ถูกคิดและดำเนินการขึ้นจากกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ UN กำหนดออกมาเป็น Sustainable Development Goals หรือ SDGs ตามหัวข้อที่ 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Quality Education) โดยมีความสอดคล้องไปกับแผนกลยุทธ์ด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในเรื่องของการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบและเสริมสร้างความเป็นพลเมืองดิจิทัลให้กับคนไทย ซึ่งวันนี้โครงการอุ่นใจ CYBER ได้ถูกขยายผลออกไปในรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นศูนย์กลางในการสร้างความปลอดภัยด้านการใช้งานอินเทอร์เน็ต

อย่างการจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ครั้งแรกของไทย ที่ได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักสูตรการศึกษาไทย ซึ่งที่เป็นการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ก็ได้ถูกยกระดับให้เนื้อหาขยายผลไปยังนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ทั้ง 29,000 โรงเรียนทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว