วันนี้ (4 พ.ค. 68) เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช 2568
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จในการนี้ด้วย
ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ ทรงศีล สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล พระสงฆ์ถวายพรพระ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
นอกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคนและประเคน จนครบ 20 รูป เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และพระราชาคณะ จนครบ 20 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทวดาที่รักษาพระนพพระปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ทรงคม พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระนพพระปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ครบ 3 รอบ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เจิมพระนพพระปฎลมหาเศวตฉัตร โหรหลวงผูกผ้าสีชมพู เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล ที่พระแท่นพระนพพระปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วทรงกราบพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา
“วันฉัตรมงคล” เป็นวันที่ระลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งเป็นพิธีที่สำคัญในการเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ไม่ว่าจะโดยการสืบราชสันตติวงศ์ หรือการปราบดาภิเษก หากยังไม่ได้ทรงรับบรมราชาภิเษก ถือว่ายังไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์อย่างเป็นทางการตามโบราณราชประเพณี โดยมีแบบแผนและขั้นตอนต่าง ๆ สื่อความหมายถึงพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็น “สมมติเทพ” มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
สำหรับในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 โดยพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" และได้กำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันฉัตรมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่พสกนิกรพร้อมใจกันถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะมีการจัดพระราชพิธีทางศาสนาและพิธีการต่างๆ เพื่อถวายพระพรและน้อมสำนึกถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า
วันฉัตรมงคลจึงไม่เพียงแต่เป็นวันแห่งการเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทย ซึ่งยึดถือพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติ
สำหรับในวันนี้หน่วยงานราชการ และพสกนิกรชาวไทยจะร่วมแสดงความจงรักภักดีผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำบุญตักบาตร การจัดพิธีถวายพระพร การประดับธงชาติและธงพระปรมาภิไธยตามอาคารบ้านเรือน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้