ติดเชื้อโควิดจริง 5 หมื่นรายต่อวัน หมอศิริราชยืนยัน มาจากส่วนใดบ้าง เช็คเลย

13 ก.ค. 2565 | 10:24 น.

ติดเชื้อโควิดจริง 5 หมื่นรายต่อวัน หมอศิริราชยืนยัน มาจากส่วนใดบ้าง เช็คเลยที่นี่มีคำตอบ แนะหมั่นใส่หน้ากากและหมั่นรักษาระยะห่าง สูงวัยเร่งรับวัคซีน

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล (หมอนิธิพัฒน์) หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (นิธิพัฒน์ เจียรกุล) โดยมีข้อความระบุว่า 

 

เพิ่งสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงการรายงานยอดผู้ติดเชื้อ น่าจะเริ่มมาได้ไม่กี่วัน จากกรอบสีฟ้าที่มุมซ้ายล่างของรูปการรายงานวันนี้ จะเห็นยอดผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK แล้วรายงานเข้ามาในระบบ OPSI ตัวเลขที่แสดงเป็นยอดรวมของวันที่ 3 ถึง 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เฉลี่ยวันละราวสองหมื่น 

 

แต่ช่วงนี้มีการปรับระบบสิทธิประโยชน์ของผู้รายงานเข้ามา ประมาณกันว่ายอดรายงานจะลดลงจากเดิมราวหนึ่งในสาม ดังนั้นยอดจริงน่าจะราวสามหมื่น

 

และประมาณกันว่ายอดคนที่ตรวจแล้วไม่รายงานเข้าในระบบ ระยะนี้จะสูงขึ้นต้อนรับการเป็นโรคประจำถิ่น ยอดผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อรายวันจึงน่าจะแตะที่ระดับห้าหมื่น 

นับว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ช่วง 26 มิ.ย. ถึง 2 ก.ค. ต้องวัดใจกันว่า ตัวเลขของสัปดาห์ 12-16 ก.ค. ถัดไปนี้ จะทะยานขึ้นไปต่ออีกหรือไม่ ตอนนี้ยังใจชื้นหน่อย ที่ยอดผู้ป่วยอาการรุนแรงยังฝ่าแนวต้านที่ 800 ขึ้นไปไม่ได้

 

แต่ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะสงบหรือจะเบ่งบานเพียงใด ไอซียูโควิดที่บ้านริมน้ำเช่นเดียวกับของโรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่ง ยังคงมีผู้ป่วยโควิดรุนแรงจนถึงวิกฤต หมุนเวียนกันเข้ามารับการดูแลรักษาต่อเนื่องกันมาเกือบสามปีแล้ว เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานโดยเฉพาะกลุ่มพยาบาล ที่ต้องอยู่คอยดูแลให้การรักษากับผู้ป่วยเกือบตลอดเวลา

 

พวกเขามีโอกาสได้พักผ่อนน้อยลงกว่าแต่ก่อนชัดเจน (ที่ยังครองความเป็นโสดก็ยิ่งหมดโอกาส ได้แต่นับวันรอคอยอยู่บนคานทองต่อไป) วันหยุดยาวบางคนวางแผนจะแลกเวรเพื่อไปพักกายหย่อนใจเหมือนอาชีพอื่นเขาบ้าง

 

ติดเชื้อโควิดจริง 5 หมื่นรายต่อวัน

 

เพื่อนร่วมงานก็ดันมาป่วยจากโควิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานประจำ ทำให้แผนพังทลายเพราะต้องขึ้นเวรแทนเพื่อนที่ต้องถูกดึงตัวออกไปพักชั่วคราว 

 

โปรดช่วยกันควบคุมสถานการณ์โควิดอย่าให้บานปลาย ให้โอกาสพวกเขาได้เบาแรงกายแรงใจ สะสมพลังไว้ต่อกรกับโควิดต่อไปได้อีกยาวนานจนกว่าโรคจะสงบ

อย่างที่กล่าวมาในครั้งก่อนๆ ว่า ระลอกโอมิครอนนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้รุนแรงจากโควิด การต้องใส่เครื่องช่วยหายใจมักไม่ได้เป็นผลจากปอดอักเสบโควิดเหมือนสมัยเชื้อสายพันธุ์เดลต้า แถมผู้ป่วยเองก็มีต้นทุนสุขภาพไม่ดีจากอายุที่มากและมีโรคร่วมรุนแรงอยู่เดิม 

 

การช่วยหายใจในผู้ป่วยระลอกนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นแบบไม่รุกล้ำ (non-invasive ventilation) คือ ต่อเครื่องช่วยหายใจเข้าสู่ผู้ป่วยผ่านทางอุปกรณ์ต่อเชื่อม ซึ่งมักนิยมใช้เป็นหน้ากากครอบที่ปากและจมูก ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการใส่ท่อช่วยหายใจทางปากผ่านเข้าไปในหลอดลม 

 

และในผู้ป่วยที่รู้ตัวดีและแข็งแรงพอระดับหนึ่ง ยังสามารถหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นครั้งคราวได้ระหว่างทำกิจกรรมการพยาบาล อีกทั้งไม่ต้องใช้ยาระงับประสาทระหว่างใช้เครื่องช่วยหายใจหรือใช้แต่เพียงน้อย ทำให้สามารถสื่อสารกันได้กับบุคลากรที่เข้าไปในห้องผู้ป่วย จึงช่วยลดความแปลกแยกจากสิ่งแวดล้อมในไอซียูที่ไม่คุ้นเคยและดูน่าหวั่นใจ

 

หากไม่อยากเห็นการรอต่อคิวเข้าไอซียูโควิด มาช่วยกันหยุดยั้งการระบาดช่วงนี้ด้วยการหมั่นใส่หน้ากากและหมั่นรักษาระยะห่าง

 

หากไม่อยากเห็นพ่อแม่ญาติพี่น้องที่สูงวัยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โปรดใส่ใจนำท่านเข้ารับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นทั้งเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองตามคำแนะนำ

 

พวกเราเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ จะยืนหยัดทำหน้าที่กันต่อไปจนกว่าโควิดจะซา เหมือนสาวกปิศาจแดงที่ยืนหยัด รอผู้จัดการทีมคนที่ใช่อย่าง ETH มาช่วยปลุกผี แม้การถล่มคู่แข่งตลอดกาลในเมืองไทยจะเป็นเพียงแมตช์ก่อนฤดูกาลก็ตามที