เศรษฐกิจฟุบยาวถึงปีหน้า ไตรมาส4 เสนาฯ ชูบ้านติดตั้งแบตเตอรี่ ร่วมโซลาร์เซลล์ เป็นจุดขาย

17 ต.ค. 2568 | 00:33 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2568 | 10:32 น.

ดร.ยุ้ย -เกษรา มองเศรษฐกิจไทยฟุบยาวถึงปีหน้า ไตรมาส4 เสนาฯ งัดกลยุทธ์ ชูบ้านติดตั้งระบบแบตเตอรี่ ร่วมระบบโซลาร์เซลล์ เป็นจุดขาย

KEY

POINTS

  • ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายรอบด้าน คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
  • บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ ชูจุดขายด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน เตรียมเปิดตัวบ้านที่ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์พร้อมแบตเตอรี่ในไตรมาส 4
  • การติดตั้งแบตเตอรี่มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้พลังงานสะอาดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน กำลังซื้อภายในประเทศเปราะบาง หนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ  ขณะความหวังกลุ่มกำลังซื้อสูงจากต่างประเทศลดลง โดยมีตัวแปรมาจากนักท่องเที่ยวหายไปจากตลาด  โดยเฉพาะใน ไตรมาสที่ 4  ซึ่งมีสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน อัตราดอกเบี้ยที่สูง เมื่อเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ที่ตํ่ากว่า 1%  อย่างไรก็ตาม มีความหวังว่า ภาคการท่องเที่ยว จะกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลัก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ และมีแรงส่งไปถึงปีหน้า แต่ประเมินว่ามีข้อจำกัด ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลว่ามีมาตรการกระตุ้นจูงใจได้มากน้อยแค่ไหน 

 

มองเศรษฐกิจไตรมาส4

 ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  หรือ “ดร.ยุ้ย” ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์และการรับมือว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ยังเผชิญกับสภาวะที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอน โดยภาพรวมทางเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดันอย่างยิ่งคือ ต้นทุนทางการเงิน

เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับตัวลดลงมาบ้างแล้ว แต่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ของไทยยังคงอยู่ที่ประมาณ 6-7% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียงประมาณ 1% หรือสูงกว่าจีดีพี 6 เท่า

ดร.ยุ้ย -ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

ดังนั้น หากพิจารณาในเชิงเศรษฐศาสตร์ ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและประชาชน (6-7%) จึงสูงกว่ารายได้ที่จะเติบโตขึ้น (ไม่ถึง 1%) ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ใหญ่หลวง เนื่องจากเศรษฐกิจอยู่ในจุดที่ไม่มีข่าวดีมากนัก

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจยังคงมีความหวังว่าการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไตรมาสสำคัญ (ไตรมาส 4) จะสามารถกลับมาเป็น “ตัวพระเอก” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง โดยขณะนี้ตัวเลขการท่องเที่ยวในปีนี้ยังไม่ปรากฏสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน จึงต้องร่วมเป็นกำลังใจให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ข้อจำกัดของรัฐบาลและการปรับตัวของเอกชน

  ในมุมมองต่อภาคเอกชนนั้น ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการปรับตัวและมักจะอยู่รอดจากวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตโควิด-19 หรือการปฏิวัติใด ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคเอกชนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เอง คือ กฎเกณฑ์และธรรมาภิบาล รวมถึงกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละภาคส่วน จึงมีความคาดหวังว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งถัดไปใน 4 เดือนข้างหน้า ประเด็นเกี่ยวกับคือ กฎเกณฑ์และธรรมาภิบาล และกฎหมายหลักที่ส่งเสริมการทำงานของภาคเอกชนจะถูกนำมามีบทบาทในการเลือกตั้งมากขึ้น

สำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งมีวาระค่อนข้างสั้น คาดว่าจะเน้นภารกิจและมาตรการที่มีผลในระยะสั้นเป็นหลัก เนื่องจากงานในระยะยาวที่จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายเป็นพื้นฐานอาจทำได้ยาก และผลที่เกิดขึ้นจริงอาจไปปรากฏผลในรัฐบาลหน้า

สิ่งที่สำคัญสำหรับนโยบายระยะสั้นคือการเน้น ผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน ที่ดีจริงๆ เพราะหลายครั้งนโยบายที่ดีอาจไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากความบกพร่องในการนำไปปฏิบัติ หรือการไม่สามารถนำสิ่งที่คิดไว้ลงไปถึงภาคประชาชนได้อย่างแท้จริง รัฐบาลชุดนี้จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเงินทุนและนโยบายที่ออกมาสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

นวัตกรรมความยั่งยืนและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย

สำหรับทางออก บมจ.เสนา มีการดำเนินธุรกิจโดยยึดโยงกับหลักการ SDG (Sustainable Development Goals) และใช้ความยั่งยืนเป็นความสามารถในการแข่งขันหลักประเด็นความยั่งยืนที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

โดยในไตรมาส 4 นี้ บริษัทจึงเตรียมเปิดตัวบ้านที่ติดตั้งระบบ แบตเตอรี่ ร่วมกับระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพในเวลากลางวัน การติดตั้งแบตเตอรี่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้พลังงานโซลาร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่มดำเนินการและเปิดขายในไตรมาสนี้

นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแก้ไขปัญหาการเข้าถึงที่อยู่อาศัย เสนาฯ ได้นำกลไกทางการตลาดมาช่วยลูกค้าผ่านโครงการ การเช่าพร้อมออมบ้าน ลูกค้าสามารถเข้าอยู่บ้านได้ทันที และผ่อนผ่านโครงการกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ ปัจจุบันโครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยมีจำนวนยูนิตประมาณ 800-1,000 ยูนิต และมีลูกค้าที่สามารถออกจากโปรแกรมและไปซื้อบ้านได้จริงแล้วประมาณ 10%

แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีหน้า

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับภาวะเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยหากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังไม่มีการแก้ไขปัญหา หนี้ครัวเรือน อย่างเป็นรูปธรรมในระดับใหญ่  ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าก็น่าจะยังคงคล้ายเดิมกับการแข่งขันในปัจจุบัน

ปัจจัยหนึ่งที่อาจดีขึ้นได้คือ อุปทาน  ที่จะทยอยออกมาสู่ตลาดน้อยลง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงจริงจัง เช่น การที่รัฐบาลสามารถดำเนินการตามที่ประกาศไว้ในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยการจัดตั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ขึ้นมาเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อตลาดได้

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,141 วันที่ 19 -22 ตุลาคม พ.ศ. 2568