ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยปี 2567 มูลค่าตลาดแตะระดับ 92,000 ล้านบาท ขยายตัว 13% จากปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อปีสำหรับสัตว์เลี้ยงขยับจากระดับเฉลี่ยราว 8,000 บาทเมื่อหลายปีก่อน มาอยู่ที่เกือบ 50,000 บาทต่อปีต่อตัว และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง
กระแส “Pet Humanization” ทำให้สัตว์เลี้ยงถูกมองเป็นสมาชิกครอบครัว มีบทบาททั้งด้านอารมณ์และสังคม เจ้าของจำนวนมากเป็นคู่รักไม่มีลูก หรือคนรุ่นใหม่ที่ยอมทุ่มเงินเพื่อคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมต้องปรับตัวออกแบบโครงการให้ “Pet-Friendly” เพื่อตอบโจทย์ตลาด
นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ORIGIN VERTICAL) ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาที่มองเห็นโอกาสในตลาดนี้ชัดเจน และเร่งเปิดตัวโครงการที่รองรับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ Pet-Friendly คือ คนรุ่นใหม่อายุ 25–40 ปี (Gen Y และ Gen Z) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงานในเมือง คู่รักที่ยังไม่มีลูก หรือผู้ที่เลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนคลายเหงา กลุ่มนี้มองหาคอนโดที่มีฟังก์ชันยืดหยุ่น สะดวกสบาย และเอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง
“คนรุ่นใหม่จำนวนมากมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกครอบครัว การเลือกคอนโดจึงไม่ใช่แค่เรื่องทำเลหรือราคา แต่รวมถึงความสามารถของที่อยู่อาศัยในการรองรับวิถีชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ตัวอย่างที่เห็นได้คือโครงการ Origin Plug & Play E22 Station มูลค่า 2,400 ล้านบาท สูง 25 ชั้น จำนวน 1,044 ยูนิต เพดานสูง 4.2 เมตร ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 90% โดยเฉพาะการปิดการขายแบบบิ๊กล็อต 278 ยูนิตให้บริษัทเดลต้า (Delta) ถือเป็นโมเดลใหม่ที่ช่วยเร่งยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ได้รวดเร็ว
และอีกโครงการกำลังเตรียมจะเปิดตัวคือ Origin Plug & Play Srinakarin มูลค่า 2,500 ล้านบาท สูง 35 ชั้น จำนวน 593 ยูนิต ราคาเริ่ม 2.99 ล้านบาท ปัจจุบันขายแล้วกว่า 70% จุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า และการออกแบบรองรับการอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์เลี้ยง โดยแยกโซนสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์อย่างชัดเจน
ในด้านการออกแบบคอนโด Pet-Friendly ต้องลงทุนเพิ่ม ทั้งด้านวัสดุกันรอย ระบบระบายอากาศ และพื้นที่ส่วนกลางเฉพาะ ซึ่งช่วยให้ปล่อยเช่าได้พรีเมียมเพิ่ม 1,500–2,000 บาท/เดือน แต่ก็แลกมากับต้นทุนดูแลรักษาที่สูงขึ้น ผู้พัฒนาจึงต้องพัฒนาโมเดลบริหารจัดการใหม่ เช่น บริการดูแลสัตว์เลี้ยง คลินิก หรือบริการทำความสะอาดเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคคือคอนโดเก่าที่ไม่สามารถปรับให้เป็น Pet-Friendly ได้ง่าย เนื่องจากติดข้อจำกัดกฎหมายอาคารชุด และการยอมรับของผู้อยู่อาศัยร่วม ทำให้ผู้ประกอบการเลือกพัฒนาโครงการใหม่ที่ออกแบบเพื่อสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ต้น
โดยสรุปแล้ว ตลาดสัตว์เลี้ยงไทยที่เติบโตต่อเนื่องกว่า 10% ต่อปี บวกกับค่าใช้จ่ายต่อหัวที่พุ่งแตะหลักหมื่นถึงห้าหมื่นบาท กำลังสร้าง “โอกาสทอง” ให้คอนโด Pet-Friendly ขยายตัวในเมืองใหญ่ ทั้งนี้ ผู้พัฒนาต้องวางระบบการออกแบบและการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อให้โครงการตอบโจทย์ทั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงและผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่ม