ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน กำลังซื้อในตลาดทุกภาคส่วนชะลอตัว แต่ในทางกลับกันได้มีธุรกิจที่มองเห็นช่องทางและโอกาส สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” ที่นอกจากช่วยลดต้นทุนของดีเวลอปเปอร์ในหลากหลายธุรกิจแล้วยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับผู้ใช้อาคารอีกด้วย
บริษัท LIV-24 จำกัด โดยบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดภายใต้บริษัทลูกในเครือแสนสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2562 ด้วยเป้าหมายในการนำ Smart Tech มาใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการอยู่อาศัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง AI CCTV Analytics, Visitor Management System (VMS) และ Internet of Things (IoT) ซึ่งจุดเด่นคือ Detect ข้อมูลได้แบบ Real Time เพื่อรายงานผลไปยังศูนย์ Command Centre ที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเริ่มจากให้บริการเทคโนโลยีความปลอดภัยในโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งของแสนสิริ และโครงการที่พลัสฯ ดูแล และขยายสู่ลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ต่อเนื่อง อาทิ โตโยต้าขอนแก่น, Asset Five, Pre Built, โรงเรียนสาธิตพัฒนา, สัมมากร, ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น ประสบการณ์การดูแลโครงการต่าง ๆ กว่า 180 โครงการ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 300,000 ล้านบาท และด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ผสานความเชี่ยวชาญของทีมงานและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ผ่านมา LIV-24 สามารถเข้าระงับเหตุได้รวดเร็วเฉลี่ยใน 5 นาที และมีเคสอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส
นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด (LIV-24) ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากประสบความสำเร็จจากการให้บริการตลาดที่อยู่อาศัย ล่าสุดประกาศความสำเร็จขยายธุรกิจสู่ภาคอุตสาหกรรม
โดยเปิดตัว Smart Industrial Tech Solutions ที่ช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้ถึง 20% สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมแข่งขันในระดับนานาชาติ นำร่องอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต โดยร่วมหารือสภาหอการค้าไทย พัฒนา Future Food Industry เมกะเทรนด์ในปัจจุบัน และมีโอกาสเติบโตสูง คาดว่ามูลค่าธุรกิจในปี 2570 จะทะลุ 5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังขยายฐานธุรกิจเจาะกลุ่มเป้าหมายดูแลสินทรัพย์ NPA ของสถาบันการเงินที่อาจเสี่ยงถูกครอบครองปรปักษ์ รวมถึงธุรกิจในอนาคตอีกจำนวนมาก จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง ภายใต้ทีมงานเพียง 50 คน โดยตั้งเป้าการเติบโตในแต่ละปี ทะยานแบบคูณสอง เมื่อเทียบแต่ละปีที่ผ่านมา โดยปี2568 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 280 ล้านบาท ปี 2569 รายได้ 500 ล้านบาท ปี 2570 รายได้ 1,000 ล้านบาท ปี2571 รายได้ 2,000 ล้านบาท และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2571
“ในวิกฤตเศรษฐกิจ ได้มองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปเจาะภาคอุตสาหกรรม โรงงานที่มีในตลาดมากกว่า 5,000 แห่ง วัสดุอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมากถึง 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะไปในทุกกลุ่มที่มีแหล่งอุตสาหกรรม”
สำหรับกลยุทธ์ LIV-24 ในปี 2568 มุ่งขยายบริการไปยังภาคอุตสาหกรรม หลังจากที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสภาอุตสาหกรรมไทยในปีที่ผ่านมา LIV-24 ตั้งเป้าขยายการเติบโตต่อไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคต พร้อมนำ Industrial Tech มาใช้ เพื่อตอบโจทย์แต่ละภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะทั้งใหญ่ กลาง เล็ก เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการเครื่องจักร ระบบขนส่ง และการจัดการพลังงานและนํ้าเสีย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาที่เสียไปจากความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัย
ลดต้นทุนพลังงาน และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน พร้อมลดต้นทุนรวมได้ถึง 20% เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต พร้อมผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรม
“LIV-24 เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 116.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 78% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 65.4 ล้านบาท และปี 2568 นี้ ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาทโตขึ้นอีก 140%”
นอกจากนี้ LIV-24 ได้เข้าร่วมหารือสภาหอการค้าไทย ร่วมกับทีมอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ภายใต้การนำของ ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ถึงการนำ Smart Tech มาใช้ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร วางเป้าหมายร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรม “อาหารแห่งอนาคต (Future Food)” ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ในปัจจุบัน และมีความเติบโตสูง คาดว่ามูลค่าในปี 2570 จะทะลุ 500,000 ล้านบาท เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารไทย สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ ไว้วางใจ LIV -24 ได้แก่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์, อุตสาหกรรมการบิน, อุตสาหกรรมเสื้อผ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG และทำการติดตั้งระบบ AI CCTV Analytics ให้กับโรงงานของ BG ทั้งในพื้นที่สำนักงานและคลังเก็บสินค้า เพื่อยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมี Bangkok Aviation Fuel Services (BAFS) ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการให้บริการนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างครบวงจรในประเทศไทย LIV-24 เข้าไปติดตั้งระบบ “LIV-24 NEXUS” ซึ่งเป็น Smart CCTV System ให้กับโรงงานของ BAFS ธุรกิจเติมนํ้ามันอากาศยาน (Energy Logistic Provider) เป็นการวางโครงสร้างการทำงานของ CCTV แบบแยกส่วน (Distributed Smart Architecture) ยกระดับจากแนวคิดเดิมที่กล้องเสียเพียงจุดเดียวอาจกระทบระบบรักษาความปลอดภัยทั้งเครือข่าย ช่วยลดต้นทุนความเสียหายจากการซ่อมแซมได้ถึง 70% และลดระยะเวลาในการซ่อมแซมได้สูงสุดถึง 75% เมื่อเทียบกับระบบเดิม เป็นต้น
นี่คือเทคโนโลยีสุดล้ำที่มีบาทบาทสำคัญต่อธุรกิจ ชีวิตและทรัพย์สินทั้งปัจจุบันและโลกแห่งอนาคต
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,106 วันที่ 19 - 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568