เมื่อเทรนด์ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้นจึงเกิดช่องทางธุรกิจใหม่ ต่อยอดธุรกิจหลักสร้างรายได้ให้กับองค์กรในระยะยาวเช่นเดียวกับ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI
ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เครือออริจิ้น ที่นอกจากพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขายและเพื่อเช่าในหลายรูปแบบแล้ว ยังขยายธุรกิจต่อยอดงานบริการ รองรับความต้องการของลูกบ้านและยังขยายการบริการไปยังกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ด้วยกัน รวมถึงตลาดภาครัฐ
“สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอีโอ PRI ผู้มีไอเดีย มักเห็นช่องทางการตลาด ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความต้องการของผู้บริโภคเสมอและนำมาซึ่งการสร้างธุรกิจใหม่ในภาคบริการครบวงจรระยะยาว
หลังร่วมบุกเบิก “ออริจิ้น” กระทั่งเติบโตเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งยังผ่านการบริหารงานบริษัทในเครือมาอย่างโชกโชน และปัจจุบันนั่งบริหาร PRI ซึ่งเป็นธุรกิจบริการฯนับเป็นบทบาทที่ท้าทาย เนื่องจากทุกค่ายให้ความสำคัญ
แน่นอนว่า หากใครมีสายป่านที่ดี รักษาฐานลูกค้าเดิม ยกระดับมาตรฐานคุณภาพ ขยายธุรกิจใหม่ๆให้ครบวงจร และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เชื่อว่า จะสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรได้
“สุรินทร์” เล่าถึงแผนงานของ PRI ผ่าน “THE ICONIC” ว่า พรีโม เซอร์วิส ฯ อยู่ในเครือของ ออริจิ้น โดยธุรกิจแบ่งเป็น 3 ช่วง คือช่วงต้นน้ำ โดยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการ เริ่มก่อสร้างให้บริการรับออกแบบโครงการ
ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และการบริการ ช่วงกลางน้ำการให้บริการการควบคุมงานก่อสร้าง หลักๆ จะเป็นงานควบคุมอาคารโรงแรม ต่างๆ
การคุมงานโครงการไฮเอนด์ งานโครงการขนาดใหญ่ โรงแรมหรู 5-6 ดาว และช่วงปลายน้ำ หลังจากก่อสร้างเสร็จ และลูกบ้านเข้าอยู่อาศัยจะมีนิติบุคคล เข้าไปบริหารจัดการซึ่งเป็นธุรกิจหลักดั่งเดิมที่ก่อตั้ง พรีโม เซอร์วิส ฯ
อีกส่วนสำคัญ เมื่อลูกบ้านอยู่อาศัยและมีแผน ปล่อยเช่าหรือ ขายต่อ บริษัทจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแล้วปล่อยเช่าเอง กลุ่มซื้ออยู่ไปสักระยะแล้วต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยใหม่และเริ่มขาย ปล่อยเช่าบ้านเก่าเพื่อซื้อบ้านใหม่ เราจะดำเนินการให้ทันที
ขณะเดียวกันยังเติมเต็มลูกค้าต่างประเทศ อย่างจีน กลุ่ม CLMV เพื่อมาเติมเต็มครอบคลุมให้บริการคล้ายเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มองลูกค้ากลุ่มผู้บริหารมาอยู่เมืองไทย
แต่คนไทยกลับชอบรูปแบบดังกล่าวมีคนทำอาหารเช้ามีคนดูแลห้องให้ และอีกบริษัทจะเกี่ยวกับเทคโนโลยีและ อินโนเวชัน ชอฟต์แวร์ได้ร่วมทุนและหวังว่า ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนมักเกี่ยวข้องกับแอปต่างๆ
อีกธุรกิจที่เปิดคือเฟอร์นิเจอร์ จัดสวน โดยอาศัยข้อได้เปรียบ โครงการของออริจิ้น แต่ละปีมีลูกบ้านเข้าอยู่ 4,000-5,000ราย ในจำนวนนี้มีความจำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ และหวังว่าธุรกิจจะเติบโตยิ่งขึ้น
“เราดูแลตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำอย่างครบวงจรชีวิตของคนอยู่อาศัย โดยมองว่า ธุรกิจยั่งยืนได้ คือคุณภาพของงานบริการการแข่งขันในตลาด ธุรกิจอื่นอาจมีวงจรของมัน พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ลง สุดท้ายงานบริการจะควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตคน”
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาธุรกิจใหม่ๆต่อเนื่อง เพราะยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกมากกับความต้องการของคน เช่นใต้อาคารยังมีเรื่องของสายไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ งานซ่อม สร้าง ปรับปรุงระบบ ซึ่งเป็นเรื่องของช่างที่จะเข้ามาดูแล
ที่เราจะเป็นศูนย์รวมด้านช่วง รวมถึง การเข้าไปรับงานบริหารอาคารของภาครัฐหน่วยงานรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ นอกจากนี้มีแผนศึกษาธุรกิจบริการเพิ่มเติม โดยจุดประกายจากคนชอบเก็บของจำนวนมาก และหาที่เก็บไม่ได้ จึงเห็นช่องทาง อาจเปิดอาคารรับบริหารหรือทำห้องให้เช่าพร้อมการดูแลเพื่อเก็บของให้ เป็นต้น
สุรินทร์ประเมินว่าภาพรวมปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด “Elevate Your Living Experience” ยกระดับงานบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ให้สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมความต้องการ
ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.ขยายบริการใหม่ไร้รอยต่อ 2. เพิ่มบริการและธุรกิจใหม่ทั้งกลุ่มบริการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 3.พัฒนามาตรฐานงานบริการเพื่อให้มีอัตราการต่อสัญญาที่สูงมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การเป็นผู้เล่นในตลาดใหม่ๆ และ 3.การเจาะลูกค้ากลุ่ม B2C มากขึ้น
อาทิ ธุรกิจตกแต่งภายใน ธุรกิจปรับปรุงภูมิทัศน์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการจัดการพื้นที่ส่วนกลางอาคารขนาดใหญ่ ขยายการเข้ารับงานจากภาครัฐ และภาครัฐวิสาหกิจ รวมถึงธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติล่าสุดอยู่ระหว่างประมูลงานระบบของสนามบินสุวรรณภูมิ และงานจัดการพื้นที่ส่วนกลางของจามจุรีสแควร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเพิ่มทักษะบุคลากร ด้วยการจับมือกับสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรด้านอสังหาริมทรัพย์ 10 แห่ง อาทิ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ร่วมพัฒนาหลักสูตรยกระดับทักษะและองค์ความรู้ให้แก่พนักงานในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ อาทิ กลุ่มงานที่ปรึกษา กลุ่มงานจัดการอาคาร รวมจำนวน 30 หลักสูตรภายในปีนี้ เพื่ออัปสกิลและรีสกิลให้แก่ทั้งพนักงานปัจจุบัน และพนักงานใหม่ที่จะเข้าทำงาน
ให้เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมการอยู่อาศัยยุคใหม่ งานต่อยอดนวัตกรรมใหม่ร่วมกับบริษัทลิฟเทค แล็บ จำกัด โดยบริษัทได้ร่วมทุนด้านเทคโนโลยี ยกระดับการให้บริการผ่านการพัฒนานวัตกรรมและการเข้าถึงของข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Primo Plus โฉมใหม่ ให้มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อำนวยความสะดวกงานบริการ อาทิ แพลตฟอร์มจองแม่บ้านทำความสะอาด แพลตฟอร์มติดตามงานซ่อมบำรุงอัตโนมัติ ตลอดจนแพลตฟอร์ม การจัดการผู้มาติดต่อภายในโครงการ
โดยมีแนวคิดจะทำบางแพลตฟอร์มวางจำหน่ายแบบ White Label ด้วยการใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการจัดการของเสีย การประหยัดพลังงาน ความใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ในโครงการที่อยู่อาศัยที่พรีโม เซอร์วิส เข้าไปบริหารจัดการอาคาร
ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับ Smart Living Solutions ที่เข้ามาช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ครบวงจรมากขึ้นในพื้นที่เดียว, Sustainable Living Practices ใส่ใจการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ตั้งแต่การเลือกใช้ชีวิตในสถานที่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทดแทน มีมาตรการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ, Wellness & Well-being มองหาพื้นที่ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาวะที่ดี และ Flexible Living Arrangement ต้องการรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้
โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 2,250 ล้านบาท และไม่หยุดมองโอกาสขยายตัวจากกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับ “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น”