กลุ่มพราว เข้าเทคโอเวอร์ 2 คอนโดดัง บมจ.โนเบิล 8.6 พันล้าน

29 พ.ค. 2566 | 04:31 น.

กลุ่ม พราว เรียลเอสเตท ประกาศเข้าซื้อ 2 คอนโดมิเนียมดัง โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน จาก บมจ.โนเบิล มูลค่ารวมกว่า 8.6 พันล้านบาท ระบุ เพื่อรองรับการขยายพอร์ต สร้างการเติบโตก้าวกระโดด ขณะกูรูอสังหาฯมอง เป็นวิธี Short Cut ประหยัดต้นทุนและเวลา

29 พฤษภาคม 2566 - เปิดต้นสัปดาห์ ด้วยกระแสฮือฮาในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังกลุ่ม ลิปตพัลลภ บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เผยว่า ได้เข้าซื้อ 2 โครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่  NUE District R9 & NUE Cross Khu Khot จาก บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด หรือ TNL เป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 8,623 ล้านบาท 

ตอกย้ำทิศทางอุตสาหกรรม ที่กูรูประเมินไว้ว่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนเริ่มเลือกใช้วิธี Short Cut ด้วยการเข้า เทคโอเวอร์ โครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ

กลุ่มพราว เข้าเทคโอเวอร์  2 คอนโดดัง บมจ.โนเบิล 8.6 พันล้าน

บอร์ด PROUD อนุมัติเข้าศึกษาซื้อโครงการโนเบิล

โดยเช้านี้ มีรายงานว่า บอร์ด PROUD อนุมัติเข้าศึกษาซื้อ 2 โครงการ NUE District R9 และ NUE Cross Khu Khot จาก บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด หรือ TNL มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,623 ล้านบาท ดัน Backlog แตะ 10,000 ล้านบาท เตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 29 มิ.ย.นี้ ออกหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering : RO) ราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมเงินทุนจากสถาบันการเงินเป็น แหล่งเงินทุนจำนวน 2,490 บาท

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา PROUD ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด  และ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด  ในสัดส่วน100% จาก บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) หรือ NOBLE และ บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด หรือ TNL 

โดยทั้งสองบริษัทดำเนินงานพัฒนาใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ NUE District R9  คอนโดมิเนียม High Rise ขนาดใหญ่ บนทำเลคุณภาพย่าน CBD (Central Business District)  ติดถนนพระราม 9 ใกล้กับ MRT พระราม 9 ที่ครบครันด้วยพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายฟังก์ชันทั้ง Indoor และ Outdoor บนเนื้อที่กว่า 6 ไร่ มูลค่าโครงการ 6,519 ล้านบาท

ปัจจุบันมียอดขาย (pre-sales) แล้ว 83% คาดรับรู้รายได้ภายในปี 2568 และ โครงการ NUE Cross Khu Khot  คอนโดมิเนียม Low Rise บนทำเลคุณภาพ บนถนนลำลูกกา ติดสถานีรถไฟฟ้าคูคต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในโครงการ มูลค่าโครงการ 2,104 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย (pre-sales) แล้ว 100% คาดว่าจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ในต้นปี 2567 

กลุ่มพราว เข้าเทคโอเวอร์  2 คอนโดดัง บมจ.โนเบิล 8.6 พันล้าน

หวังขยายพอร์ต สร้างการเติบโตก้าวกระโดด

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทขยายฐานเงินทุน สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พร้อมศักยภาพในการขยายธุรกิจได้ใหญ่ขึ้น ผลักดันให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้นทันที 7,515 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,180 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้และเพิ่มกำไรสุทธิในปี 2567-2568 อีกทั้งเพิ่มมูลค่าของบริษัทและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น

ในส่วนของการลงทุนซื้อ โครงการ NUE District R9 และ โครงการ NUE Cross Khu Khot เป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,735 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM ) เพื่อระดมทุนจำนวน 2,490 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ PROUD (Right Offering : RO) ในอัตราส่วน 1.80 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าไม่เกิน 624 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นเงินทุนและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน
 

โนเบิล คาดปิดดีล ก.ค.นี้ ระบุ ขายโครงการ ตามกลยุทธ์สร้างกระแสเงินสด 

ขณะ นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)“NOBLE” ระบุ “สาเหตุที่บริษัทฯ ทำรายการขายในโครงการดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทฯ ที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR) ) จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล ซึ่งโครงการร่วมทุนทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในการขายอย่างสูง 

กลุ่มพราว เข้าเทคโอเวอร์  2 คอนโดดัง บมจ.โนเบิล 8.6 พันล้าน

โดยโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันได้ sold out ไปที่เรียบร้อย ส่วนโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 83% อีกทั้งมูลค่าการขายของทั้ง 2 โครงการยังถือเป็นการขายในมูลค่าที่สร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของกำไรที่รับรู้ได้และกระแสเงินสดที่ได้กลับมา รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่จะได้รับในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน 

ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองว่าการขายทั้ง 2 โครงการในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงยังเป็นการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากนี้การขายโครงการดังกล่าวยังเป็นการปรับ Portfolio ของโครงการร่วมทุนเพื่อที่จะเพิ่มโครงการร่วมทุนใหม่ๆในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการร่วมทุนกับบริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (“TNLA”)  ที่เปิดโครงการทั้งหมดแล้ว 9 โครงการ มูลค่ารวม 28,400 ล้านบาท 

กลุ่มพราว เข้าเทคโอเวอร์  2 คอนโดดัง บมจ.โนเบิล 8.6 พันล้าน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการในบทบาทเดิม ซึ่งโครงการจะถูกบริหารภายใต้ บริษัทฯ เช่นเดิมทุกประการ รวมถึงชื่อโครงการ การก่อสร้างตามข้อผูกพันเดิมกับลูกค้าตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย รวมไปถึงการบริหารโครงการหลังการขายและการรับประกันผลงานการก่อสร้าง เพื่อให้ไม่มีผลกระทบใดๆ กับลูกค้า
สำหรับกระบวนการขายเงินลงทุนและโอนหุ้นใน PA9 และ KK รวมถึงเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้นบางส่วนจะเกิดขึ้นภายหลังจากที่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2566  ส่งผลให้บริษัทฯ จะสามารถบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 3 ปี 2566 

ตลาดคอนโดฯฟื้น เทรนด์เทคโอเวอร์มาแรง 

ทั้งนี้ นาย ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย      ให้มุมมองว่า สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าประกาศแผนเปิดตัวโครงการใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2566 กันอย่างคึกคัก และส่วนใหญ่เริ่มทยอยเปิดพรีเซลล์อย่างเป็นทางการตั่งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งเราพบว่า บางโครงการบริเวณแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ และแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สามารถปิดการขายทั้งโครงการในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนหลังจากการเปิดขายในรอบ VIP เท่านั้น

ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง กลุ่มลูกค้าให้ความสนใจเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องสำหรับโครงการที่พวกเขามองว่ายังสามารถทำกำไรต่อได้ รวมถึงตั้งอยู่บนทำเลที่ดีและราคาที่น่าสนใจ และพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วน ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในทำเลที่มั่นใจในกำลังซื้อหรือทำเลที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชัดเจน เช่น สถานศึกษา หรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น  

แต่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ค่อนข้างระมัดระวังในการกำหนดราคาขายเป็นอย่างมากแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้พัฒนาจะต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนราคาค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20.0  เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นจากเดิมได้มากนัก และพบว่าผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดพยายามมองหาจุดขายใหม่ๆ หรือบริการอื่นๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เช่น เรื่องของการบริการทางการแพทย์ , Pet – Friendly หรือ คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ เป็นต้น นอกจากนี้พบว่า ผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนเลือกใช้วิธี Short Cut ด้วยการเข้า take over โครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ เนื่องจากมองว่าเป็นการประหยัดเวลา และได้ราคาที่ดีเพื่อนำมาพัฒนาต่อ