"เสนา" ทุ่ม 120 ล้าน เทคโอเวอร์ "วรัตน์ แลนด์"

07 เม.ย. 2566 | 08:13 น.

บมจ.เสนา หรือ SENA เดินเกมอสังหาฯ ทุ่ม 120 ล้านบาท เทคโอเวอร์ "วรัตน์ แลนด์" ลุยปั้นที่ดิน ซ.เพชรเกษม 48 ต่อยอดธุรกิจ

7 เมษายน 2566 - ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ยังขยับอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสด บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุ ถึงการเข้าไปลงทุน 100 % ในบริษัท วรัตน์ แลนด์ ด้วยมูลค่าเงิน 120 ล้านบาท คาดดีลแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ 

ในรายละเอียด แจ้งว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ครั้งที่8/2566 เมื่อวันที่3 เมษายน 2566 ได้พิจารณารายละเอียดและเงื่อนไขในการลงทุน และมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนใน บริษัท วรัตน์ แลนด์ จำกัด (“วรัตน์ แลนด์”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นที่ออกและช าระแล้วของ วรัตน์ แลนด์ ในมูลค่าเงินลงทุนรวม 210,000,000 บาท

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาในที่ดินโครงการเพชรเกษม 48 ซึ่งเป็นการ ขยายการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ รวมทั้งเพื่อต่อยอดและสนับสนุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ 
 

ทั้งนี้ โดยผลสำเร็จของการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว จะทำให้ วรัตน์ แลนด์ มีสภาพเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯโดยบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ วรัตน์ แลนด์ ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ของบริษัทฯ โดยมีรายละเอียดของการเข้าทำยการ ดังนี้

  • บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ วรัตน์ แลนด์ในอัตราส่วน ร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดจาก ผู้ถือหุ้นเดิม และบริษัทฯ จะดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไขต่อหน่วยงานราชการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2566
  • บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญเดิมของ วรัตน์ แลนด์จำนวน 2,100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของจ านวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ วรัตน์ แลนด์ จากผู้ขาย ซึ่งเป็น

ผู้ถือหุ้นเดิมที่ถืออยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ดังต่อไปนี้

ผู้ซื้อ : บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ขาย : ผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ วรัตน์ แลนด์ ซึ่งมีรายชื่อดังนี้

  1. นางเกวลิน กมลสุวรรณ ถือหุ้น 71%
  2. นางสาวพิมพ์พิมล พัฒน์วิมล ถือหุ้น 29%

ทั้งนี้  SENA ได้เปิดแผนปี 2566  ว่าจะมีการเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ ราว 26 โครงการ มูลค่า 24,000 ล้านบาท ภายใต้ ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ รวม 16,500 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ยังมาจากการวางเม็ดเงินลงทุนรวมไว้เกือบ 10,000 ล้านบาท สำหรับ 10 กลุ่มธุรกิจทั้งเก่าและใหม่ อีกทั้ง ยังมีแผนเตรียมนำบริษัทลูกต่างๆ ทยอยเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย 
 

ที่มา : หนังสือฉบับเต็ม