"อสังหาฯไทย" เบอร์ต้นระดับโลก คาดซื้อ-ขาย "โรงแรม" พุ่ง 1.2 แสนล้าน

14 มี.ค. 2566 | 06:43 น.

เปิดฉากเวที “PropertyGuru Thailand Property Awards” ครั้งที่ 18 ผู้จัด หวังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาฯในไทย ปลุกความเชื่อมั่นนานาชาติ ขณะคาดปีนี้ ธุรกิจโรงแรมฟื้น การซื้อ-ขาย พลิกกลับมา ระดับ1.2แสนล้านอีกครั้ง

14 มีนาคม 2566 - PropertyGuru Thailand Property Awards การประกาศรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นอย่างยาวนานที่สุดในประเทศไทย เตรียมกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งเป็นปีที่ 18 พร้อมรับความต้องการอสังหาฯ ที่เติบโตหลังโควิด-19 และเปิดโอกาสให้บริษัทได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาและโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านการออกแบบ และการพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดของประเทศไทย รวมถึงเป็นการยกมาตรฐานระดับโกลด์ในด้านอสังหาริมทรัพย์ไปพร้อมกัน 

นายจูลส์ เคย์  ผู้จัดการทั่วไป พร็อพเพอร์ตี้กูรู เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ดส์ แอนด์ อีเวนต์ เปิดเผยว่า ในรายงาน Thailand Property Market Report ฉบับล่าสุด ซึ่งจัดทำโดย DDproperty พบดัชนีความต้องการที่อยู่อาศัยโดยรวมในไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้นถึง 47% เปรียบเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 (ไตรมาส 4/2562) ในขณะที่ดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปี 2566 มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน 

ทั้งนี้ การที่ประเทศจีนได้เปิดประเทศอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นการช่วยผลักดันการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อไปเช่นกัน

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยพื้นที่ในเขตปริมณฑลและบริเวณรอบนอกของกรุงเทพฯ ที่อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้า SRT สายสีแดง, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว พบว่ามีการเติบโตสูงสุดในไตรมาส 4/2565

อสังหาฯไทย เบอร์ต้นเวทีโลก

ด้าน สุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (JLL) และประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล “PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 18” กล่าวว่า ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ไทยนับได้ว่าจัดอยู่ในระดับต้นๆ ของทั้งเวทีระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและระดับโลก ทั้งนี้แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 แต่มีประเทศที่เสนอผลงานเข้าร่วมมากกว่า 200 ประเทศ

 “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564 เป็นสถานการณ์ที่ท้ายทายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตและการอยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป หากแยกออกเป็นแต่ละตลาด  พบว่าตลาดอาคารสำนักงาน การเกิดโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้พื้นที่อาคารสำนักงานมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการพึ่งพาเทคโนโลนีมากขึ้น บริษัทขนาดใหญ่จะให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานและสิ่งแวดล้อม จึงเลือกเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานสร้างใหม่ที่มีคุณภาพ 

"อสังหาฯไทย" เบอร์ต้นระดับโลก คาดซื้อ-ขาย "โรงแรม" พุ่ง 1.2 แสนล้าน

จับตา ซัพพลายใหม่ ตลาดอาคารสำนักงาน

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศไทย 10 ล้านตร.ม. ในจำนวนนี้เป็นอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม 1.5 ล้านตร.ม. โดยในอีก 18 เดือนข้างหน้าจะมีพื้นที่อาคารสำนักงานเหลือว่างมากขึ้น เนื่องจากจะมีซัพพลายใหม่ๆ เข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม อัตราค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานจะไม่ได้สูงขึ้น ดังนั้นอาคารสำนักงานให้เช่าที่เปิดให้บริการมานานแล้ว อาจจะต้องมีการรีโนเวท พร้อมให้ราคาที่จะสามารถรักษาลูกค้าเก่าและดึงลูกค้าใหม่เข้ามาได้

คาดคอนโดฟื้นตัวใน 12-18 เดือนข้างหน้า

ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียม คาดว่ายอดขายในปีนี้จะดีขึ้น จากความมั่นใจที่เกิดจากเปิดประเทศและการมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมมีซัพพลายเหลืออยู่ในตลาดไม่มาก เนื่องจากถูกดูดซับไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนคอนโดมิเนียมในระดับราคากลาง-ล่าง ยังคงมีสินค้าเหลือขายจำนวนมาก เนื่องจากธนาคารมีมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างสูง ทั้งนี้ คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมค่อยๆ ฟื้นตัว โดยจะใช้ระยะเวลา 12-18 เดือน

คลังสินค้า-โรงแรม คึกคัก

สำหรับธุรกิจอาคารคลังสินค้าให้เช่า พบว่าในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผู้ประกอบการรายใหญ่นำที่ดินที่มีมาพัฒนาโครงการอาคารคลังสินค้าให้เช่าแบบ Built-to-Suit หรือคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการของผู้เช่า อย่างไรก็ตามอัตราค่าเช่าคลังสินค้านับได้ว่าอยู่ในระดับที่ยังไม่สูง ขณะที่ราคาที่ดินสูงขึ้นโดยตลอด ทำให้ต้นทุนจากการพัฒนาอาคารคลังสินค้าสูงจนอาจไม่สามารถกำหนดราคาค่าเช่าให้สอดคล้องกับอัตราค่าเช่าพื้นที่ที่ยังต่ำอยู่ 

ด้านธุรกิจโรงแรม พบว่ายังเป็นที่ต้องการซื้อของนักลงทุนชาวต่างชาติรวมถึงนักลงทุนไทย โดยในปี 2566 คาดว่าอัตราการซื้อ-ขายจะกลับมาอยู่ที่ระดับ120,000 ล้านบาท เทียบเท่าค่าเฉลี่ยของอัตราการซื้อ-ขายใน 10 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สำหรับ งาน PropertyGuru Thailand Property Awards ครั้งที่ 18 เป็นเวทีประกาศรางวัลคุณภาพด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยมอบให้แก่บริษัทและโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นและสร้างผลงานเป็นที่ยอมรับในด้านการออกแบบ และการพัฒนาโครงการ ซึ่ง จูลส์ เคย์ ชี้ว่า ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ ด้านผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างมีมุมมองต่อตลาดในเชิงบวก ส่วนกำลังซื้อในประเทศยังคงมีต่อเนื่อง 

สำหรับต่างประเทศและนักลงทุนก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหลังการเดินทางและการท่องเที่ยวกลับมาสู่ภาวะปกติ โดยการจัดประกาศรางวัลของ ProperytyGuru ในทั่วภูมิภาคนั้นตัดสินโดยคณะกรรมการอิสระ มีความน่าเชื่อถือ และจัดต่อเนื่องมายาวนาน PropertyGuru Thailand Property Awards ยังเป็นการช่วยผลักดันการสร้างระดับมาตรฐานของวงการอสังหาริทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย