“อสังหา”ดูดกำลังซื้อต่างชาติ  “ออริจิ้น” นำทัพเอเจนท์บุก 12ประเทศทั่วโลก

05 ธ.ค. 2565 | 05:57 น.

ทั่วโลกเปิดประเทศ บิ๊ก“อสังหา”ดูดกำลังซื้อต่างชาติ  “ออริจิ้น” นำทัพเอเจนท์ กว่า 130 บริษัท รุกหนักตลาดผู้ซื้อต่างชาติ 12 ประเทศทั่วโลก

 

 

 

 

 

 

การเปิดประเทศหรือรีโอเพนนิ่งของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประกอบกับมาตรการและนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ มากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะดึงกำลังซื้อตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกลุ่มนักลงทุนและอยู่อาศัยเองของชาวต่างชาติให้กลับมาอีกครั้งขณะกำลัง ซื้อในประเทศต้องยอมรับว่ามีความเปราะบาง สถาบันการเงิน เข้มงวดปฏิเสธสินเชื่อ มีผลกระทบมาจากภาระหนี้ครัวเรือน วินัยการใช้จ่าย

 

 

แน่นอนว่า ตลาดที่มีกำลังซื้อสูงจะเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ  ที่สะท้อนความต้องการ ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย เพราะคอนโดมิเนียมไทยต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ ตามสัดส่วน ที่กฎหมายกำหนด ที่สำคัญมีราคาถูก สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้สูง เมื่อเทียบกับหลายประเทศ

 

รวมถึงในสายตาต่างชาติ ยังมองไทย เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ทั้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยสงคราม การเมือง การเดินทางสะดวก อาหารอร่อย มีแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ ค่าครองชีพต่ำ  สาธารณสุขดี  มิตรไมตรีมีเต็มเปี่ยม ฯลฯ โดยเฉพาะคนจีนที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้าไทยในช่วงปีหน้า หากรัฐบาลเขามีการผ่อนปรนเกี่ยวกับโควิด

 

 

 

 ประเมินว่า ปีหน้าการแข่งขันเจาะตลาดลูกค้าต่างชาติของดีเวลลอปเปอร์ไทยคงจะคึกคักมากขึ้น พิจารณาจากการเตรียมความพร้อมจากหลายค่าย หลังหยุดนิ่งมานานสำหรับตลาดอสังหาฯของคนต่างชาติ

 

 

ที่ประกาศ บุก ตลาดผู้ซื้อต่างชาติ ชัดเจน และมีการเตรียมความพร้อม   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI สะท้อนว่า บริษัทจึงได้จัดงาน “Origin Agent Day” รวบรวมบริษัทตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีสำนักงานในประเทศไทยและทั่วโลกกว่า 130 บริษัท รวมกว่า 190 คนเข้าร่วมงาน 

 

“อสังหาริมทรัพย์เมืองไทยยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองช่วงหลังเกษียณ และเพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากผู้ซื้อชาวต่างชาติมองว่าอสังหาริมทรัพย์ในทำเลศักยภาพของไทยมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศของตัวเอง มีการจัดการระบบสาธารณสุขที่ดีไม่แพ้ชาติชั้นนำอื่นๆ มีค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป สิ่งสำคัญที่จะช่วยตอบสนองดีมานด์ดังกล่าวได้ คือการทำให้ทั้งตัวแทนขายและชาวต่างชาติมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพในทำเลศักยภาพของเครือออริจิ้นได้มากยิ่งขึ้น”

 ต่างชาติกับความสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทย

 

ภายในงาน Origin Agent Day ได้มีการให้ข้อมูลภาพรวมทิศทางการดำเนินธุรกิจของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ข้อมูลทำเลศักยภาพ รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวคุณภาพจากหลากหลายเซ็กเมนท์ ที่มีฟังก์ชัน การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคในระดับสากล

 

มุ่งหวังว่าโครงการจะสามารถเข้าถึง 12 ชาติชั้นนำที่เป็นตลาดศักยภาพและสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทย อาทิ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรปบางประเทศ 

นายพีระพงศ์​ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงก่อน โควิด (COVID-19) โครงการของบริษัทได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นอย่างดีทั้งในโซนกรุงเทพฯและโซนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงเชื่อมั่นว่าการจัดงาน Origin Agent Day 

 

ในช่วงที่นานาประเทศสำคัญกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะช่วยให้ตัวแทนขายรับทราบข้อมูลที่สำคัญ และนำเสนอโครงการของบริษัทให้ได้รับการตอบรับที่ดีอีกครั้ง สร้างยอดขายในตลาดผู้ซื้อต่างชาติที่ 1,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย และสร้างยอดขายต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/2566 

 

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 

 

1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 112 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 3/2565)

 

เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin)  โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 172,000 ล้านบาท 

 

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 

 

3.ธุรกิจบริการ (Service Business)เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ 

 

 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร