โรงแรมเล็กเมืองท่องเที่ยวสายป่านขาด "ทุนไทย-ต่างชาติ" กดราคาช็อป50 %

23 ก.ค. 2565 | 06:10 น.

โรงแรมเล็ก สายป่านขาด พิษโควิด-ค่าเงินบาทอ่อน ทุนใหญ่ไทย-ต่างชาติสบช่องกดราคาซื้อต่ำ50% โฟกัส  พัทยา ภูเก็ต

 

การระบาดของโควิด-19 ตลอดจนการกลายพันธุ์ยังมีอยู่ อย่างต่อเนื่อง ส่งผล เอกชนหลายหลายต้องรอดูทิศทาง ต่อการลงทุน ขณะเดียวกัน ที่อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจประเทศนั่นคือ โรงแรมขนาดเล็กที่มีสายป่านสั่น นับ1000แห่ง  ยังไม่อาจปั๊มหัวใจให้พลิกฟื้นคืนชีพได้ เพราะต่างชาติกำลังซื้อหลักอย่างจีน

 

 

อีกหลายประเทศทั่วโลกยังไม่เดินทางกลับเข้ามาอีกทั้งภาระหนี้ดอกเบี้ยที่สะสมมานาน จึงเป็นเหตุ ให้โรงแรมเล็กบางแห่งถูกสถาบันการเงินยึดสินทรัพย์  และหลายรายถูกต่อรองกดราคาขายไม่ต่ำกว่า 50% จากความได้เปรียบของนักลงทุนไทยและต่างชาติกระเป๋าหนัก

 

 

 

 

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดโรงแรมเริ่มดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ดีในกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาวในเมืองท่องเที่ยว เพราะค่าห้องยังถูก

 

จากลูกค้าต่างชาติยังน้อย และกำลังมีการเปลี่ยนมือการเป็นเจ้าของโรงแรม เพราะโควิดทำให้โรงแรมปิดตัว จึงมีทุนไทยและต่างชาติเข้าซื้อจำนวนมาก เช่น พัทยา ภูเก็ต แต่กดราคาซื้อลง 50% มักเกิดกับโรงแรมเล็ก โรงแรมขนาดใหญ่ยังไม่ยอมขายกัน

“กำลังซื้อต่างชาติต่ออสังหาฯไทย ต้องรอคนจีนกลับมา คาดใช้เวลา 1-2 ปี เพราะจีนยังเปิดประเทศและเข้มงวดมาตรการซีโร่โควิด ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดอสังหาฯเริ่มมีปัญหา ผู้ประกอบการหยุดสร้าง คนซื้อไม่จ่ายค่างวด ตอนนี้ส่วนใหญ่ที่ซื้อและโอนเป็นคนไทย” นาย สุรเชษฐกล่าว

 

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีจีนเริ่มปฏิเสธจะจ่ายค่าผ่อนบ้าน ว่า อาจส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย และแรงจูงใจมาซื้อน้อยลง เมื่อเทียบกับช่วง 3-4 ปีเป็นยุคทองคอนโดมิเนียม ที่ชาวจีนเข้ามาซื้อจำนวนมาก

 

 

เพราะราคาอสังหาฯในจีนแพงกว่าไทยมาก แต่ด้วยการเกิดการระบาดของโควิด-19 และล็อกดาวน์ประเทศมานาน ทำให้รายได้ของคนลดลง ในส่วนของเพอร์เฟ็กต์ ตั้งแต่ปลายปี 2564 มีชาวจีนซื้อคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ระดับราคา 3-4 ล้านบาท ขณะนี้หยุดผ่อนและยกเลิกสัญญาแล้ว 1-2%

 

 

สำหรับผลจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง มีต่างชาติมาซื้อคอนโดที่หัวหินของบริษัทมากขึ้น หลังโควิดระบาดเงียบไป 2 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยุโรปตะวันตกและสแกนดิเนียเวีย และจีนน้อยลงมากเพราะยังปิดประเทศ
 


         

คาดการณ์ว่า ช่วงครึ่งหลังปี2565  กำลังซื้อตลาดอสังหาฯจะชะลอตัวลง เนื่องจากมีปัจจัยที่ยังเป็นข้อกังวลต่อผู้ซื้อ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ หากดอกเบี้ยปรับขึ้น จะกระทบทั้งผู้ประกอบการที่มีต้นทุนพัฒนาโครงการสูงขึ้น ต้องบริหารสต๊อกและต้นทุนให้ดี

 

 

รวมถึงกระทบต้นทุนการเงินจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งเดือนสิงหาคมกันยายนนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้ 1,000 ล้านบาท หนีไม่พ้นได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนผลกระทบต่อลูกค้า หากเป็นลูกค้าเก่าค่าผ่อนบ้านจะเพิ่มขึ้น และลูกค้าใหม่อาจชะลอตัดสินใจซื้อ” นายวงศกรณ์กล่าว

          

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า กรณีจีนเริ่มหยุดผ่อนบ้านนั้น ผลจากโควิดระบาดและปิดประเทศ จึงเกิดหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  NPLเพิ่ม ซึ่งเป็นกันทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วย

 

โดยอาจส่งผลต่อตลาดอสังหาฯของไทยในแง่ของชะลอโอน โดยในส่วนของออริจิ้นมีคนจีนยกเลิกการซื้อขายแล้ว 15% นับจากเกิดโควิด แต่ไม่ค่อยน่าห่วง เพราะชาวจีนวางเงินดาวน์สูง 25% แม้ยกเลิกพอมีกำไร ในส่วนดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบต่อตลาดอสังหาฯบ้าง แต่ไม่น่ากังวลมากในส่วนของผู้ประกอบการ

 

 

เพราะโครงการเมื่อสร้างเสร็จ จะมีดอกเบี้ยไม่เกิน 2% เช่น คอนโดราคา 1 ล้านบาท ต้นทุนเพิ่มไม่เกิน 20,000 บาท แต่ส่งผลต่อคนผ่อนบ้านอยู่แล้ว ขณะที่บาทอ่อนค่าทำให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาฯในไทยมากขึ้น เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง แต่ยังไม่มากเมื่อเทียบลูกค้าหลัก อย่าง จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า

          

“บาทอ่อนยังกระตุ้นต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยและในหลากหลายธุรกิจมากขึ้น ตอนนี้เห็นได้ว่ากลุ่มทุนรายกลางและรายใหญ่ เช่น สิงคโปร์มาซื้อโรงแรมขนาดกลาง หรือขนาดเล็กในไทย โดยเฉพาะ เมืองท่องเที่ยว อย่าง ภูเก็ต พัทยา เพราะช่วงนี้ได้ราคาถูก และธุรกิจโรงแรมเริ่มฟื้นตัว ถ้ารอซื้อปีหน้าราคาสูงขึ้น ปีนี้ออริจิ้นเร่งปิดดีลซื้อโรงแรมอีก 2-3 แห่งที่พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ใช้เงิน 1-3 พันล้านบาท รองรับท่องเที่ยวฟื้นตัว” นายพีระพงศ์กล่าว