ทุนยักษ์-เจ้าสัว ไม่สะท้านต้นทุน ลุย มิกซ์ยูส พลิกโฉมเมือง รับต่างชาติ

19 พ.ค. 2565 | 05:45 น.

ทุนยักษ์ไม่สะท้าน  วิกฤตสงครามยูเครน ต้นทุนพลังงาน วัสดุก่อสร้าง สูงเท่าตัว กลับกันพร้อมพลิกโฉมโครงการใหม่ -เร่งเครื่องเปิดบิ๊กโปรเจ็กต์รับต่างชาติเศรษฐกิจพลิกฟื้น

 

มรสุม สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ต้นทุนพลังงาน ภาคขนส่ง วัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็ก ปรับตัวสูงซ้ำเติมการระบาดโควิดภายในประเทศ เป็นเหตุให้หลายโครงการ ของเอกชนและภาครัฐต้องล่าช้าหรือไม่ต้องชะลอออกไป

 

ไม่เว้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ แต่ด้วยความที่เป็นแบรนด์แข็งแกร่งระดับโลกมีสายป่านยาว  จึงสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสพัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์ให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมทั้งลงทุนโครงการใหม่ต่อเนื่อง เพื่อรองรับ นักลงทุน นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักจากต่างชาติ เข้าใช้พื้นที่

 

สร้างมูลค่ามหาศาลบนที่ดินประวัติศาสตร์ ซึ่ง มีการประเมินกันว่า กลุ่มทุนขนาดใหญ่มีความได้เปรียบ เมื่อโครงการแล้วเสร็จเปิดให้บริการ ในช่วงจังหวะโควิดขาลง หรือเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

 

 

ทุนยักษ์-เจ้าสัว ไม่สะท้านต้นทุน ลุย มิกซ์ยูส พลิกโฉมเมือง รับต่างชาติ

 รายงานข่าวจากกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น หรือ กลุ่มทีซีซี กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งของไทย ก่อตั้งโดยเจ้าสัว เจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่มีบริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเครือหลายบริษัท ได้ออกมายอมรับว่า

 

แม้จะมีหลายปัจจัยมากระทบ และถูกกดดันจากระยะเวลาการเช่าที่ดินลีสโฮลด์ (LEASEHOLD)อสังหาริมทรัพย์รูปแบบสิทธิการเช่า ดังนั้นโครงการต้องแล้วเสร็จตามแผนอย่าง อาณาจักร พระรามสี่ โครงการวันแบงค็อก โครงการขนาดใหญ่ บนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 104ไร่ มูลค่า1.2แสนล้านบาท

ทุนยักษ์-เจ้าสัว ไม่สะท้านต้นทุน ลุย มิกซ์ยูส พลิกโฉมเมือง รับต่างชาติ

มีความคืบหน้าไปมากสามารถเปิดให้บริการในเฟสแรกได้ในปี2566 โดยเฉพาะในส่วนของโรงแรมและอาคารสำนักงาน เช่นเดียวกับ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่พื้นที่ใหญ่กว่าเดิม5เท่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกันยายน 2565นี้ หลังจากเฟสแรกของโครงการเดอะปาร์คส่วนของศูนย์การค้าได้เปิดให้บริการไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

 

 

ส่วนโครงการใหม่พัฒนารูปแบบผสม หรือมิกซ์ยูส  แน่นอนว่าลงทุนตามแผน 3โครงการอย่างโครงการ ปลายปี2565 ได้แก่ ล้ง1991 ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านคลองสาน  จุดหมายปลายทางของคนรักษ์สุขภาพระดับโลก โครงการเวิ้งนาครเขษม ย่านเจริญกรุง  และโครงการบนที่ดินเอเชียทีค

 

พัฒนาโรงแรม100ชั้นหรือ450เมตรสูงที่สุดในไทย ทำเลศักยภาพ ทั้งย่านเจริญกรุง ฝั่งพระนคร และเจริญนคร ฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นโครงการระดับยักษ์ชนยักษ์กับไอคอนสยาม เชื่อว่าจะช่วยกัน พัฒนา พื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยาให้มีสีสัน อวดสายตาชาวโลกได้อย่างดียิ่งในอนาคต

ทุนยักษ์-เจ้าสัว ไม่สะท้านต้นทุน ลุย มิกซ์ยูส พลิกโฉมเมือง รับต่างชาติ

อีกโครงการที่น่าจับตา โปรเจ็กค์ยักษ์โรงแรม นารายณ์โฉมใหม่มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาทที่บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด  มีแผนทุบอาคารเก่า ในปีนี้ และพลิกโฉม ใหม่ ให้มีความทันสมัย แต่คงสถาปัตยกรรมโบราณแบบไทยที่จะมาสร้างแทนที่โรงแรมนารายณ์เดิม

 

ได้แก่ โรงแรม 6 ดาว เชนใหม่ ที่ไม่เคยมีในไทยมาก่อน ซึ่งเท่าที่วัดจากระยะห่างจากถนน สามารถสร้างได้สูง 60-70 ชั้น  ขณะชื่อจะยังคงใช้ชื่อเดิมคือโรงแรมนารายณ์อีกทั้งยังพัฒนาพื้นที่สวนเปิดโล่งเพื่อให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาใช้ได้ด้วย 

 

เพิ่มมูลค่าให้กับถนนสีลม เช่นเดียวกับบิ๊กโปรเจ็กต์ที่อยู่ระหว่างเร่งมือ ทั้งโครงการดุสิตเซ็น ทรัลปาร์คโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสม บนที่ดินขนาดใหญ่ จำนวน 23 ไร่เศษหัวมุม ถนนพระราม 4 ตัดถนนสีลม ตรงข้ามสวนลุมพินี   และโครงการสีลมเอจของบริษัทในกลุ่มเจ้าสัวเจริญมีแผนเปิดให้บริการ เดือนกันยายน นี้  ที่เชื่อมโยงไปยังถนนพระรามสี่ได้อีกด้วย

 

ที่สร้างความฮือฮามาก่อนหน้านี้เมื่อสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(  PMCU)ประกาศให้บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด(มหาชน) หรือCPNคว้าที่ดินที่ดินแปลงA  สยามสแคว์ หรือโรงภาพยนตร์ สกาล่าเดิม เนื้อที่7ไร่มีแผนพัฒนาเป็นศูนย์การค้าขนาดย่อมและย่านของถนนช็อปปิ้งโลก

 

นอกจากนี้ CPN ยัง ร่วมทุนพัฒนากับทุนข้ามชาติ   บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ ฮ่องกงแลนด์ จำกัด (CHKL) พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานสูง36ชั้น บนที่ดินสถานทูตอักกฤษเดิมเนื้อที่ 23ไร่ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง เช็นทรัล แอมบาสซี   ถนนเพลินจิตตัดถนนวิทยุ แนวรถไฟฟ้าBTSสายสุขุมวิท 

 

ขณะ ที่ดินโรงเรียน วาชิราวุธ วิทยาลัย  ทำเลศูนย์กลางธุรกิจ  บน ถนนราชดำริ เขตปทุมวันเตรียมทุบตึกเก่าที่หมดสัญญา พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสให้เกิดความคุ้มค่ากับแปลงที่ดินที่หายากยิ่ง ในเวลานี้ โดยเฉพาะ ที่จะมีแผนพัฒนา จะเป็น ซอยมหาดเล็กหลวงหนึ่ง ปิดฉาก อาคารเพนนินซูล่าพลาซ่าพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ ระดับไฮเอ็นด์และโรงแรม และซอยมหาดเล็กหลวงสาม

 

ทุบทิ้งตึกเก่าเนรมิต มิกซ์ยูส กว่าแสนตารางเมตร  ขุมทอง นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันยังมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจมองหา ที่ดินในเมือง เพื่อพัฒนารองรับกำลังซื้อกลับมา

 

อย่างไรก็ตาม   แม้ปัจจุบัน สถานการณ์โควิดจะอยู่ในช่วงขาลง รัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบ แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่า โควิดจะหมดไปเมื่อใดและสายพันธุ์ใหม่จะไม่ปะทุขึ้น กระทั่งทำให้ระบบเศรษฐกิจปั่นป่วนซ้ำอีกระลอก