7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค" ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

11 พ.ย. 2564 | 10:11 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2564 | 17:21 น.

โครงการ เดอะปาร์ค พระราม 4 บุกเบิกมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับโลก หลังคว้า ใบรับรอง LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C ส่อง 7 จุดเด่น การก่อสร้างอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สอดคล้อง Net-Zero Carbon

11 พ.ย. นายกมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจที่ เดอะ ปาร์ค คือโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกที่ได้รับประกาศนียบัตรการรับรอง LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C: Core and Shell ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดสำหรับการออกแบบและก่อสร้างอาคารสีเขียวที่ยั่งยืน 

 

ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของ เดอะ ปาร์ค ในฐานะอาคารอัจฉริยะที่ผสานพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก เปรียบเสมือนจุดหมายไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจร ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนอย่างแท้จริง โครงการนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนและสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยและผู้มาใช้บริการในอาคาร 
 

รวมถึงความอยู่ดีมีสุขของผู้คนมาตั้งแต่แรกเริ่ม โครงสร้างอาคารและกรอบอาคารทุกส่วนได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน LEED ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลสำหรับการประเมินอาคารสีเขียว เราเชื่อมั่นว่าการได้รับการรับรองครั้งนี้จะปูทางสู่การพัฒนาอาคารสีเขียวที่ยั่งยืนในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างอาคารไทยในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การประหยัดน้ำ การเลือกสถานที่ตั้ง การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การใช้ประโยชน์จากแสงสว่างตามธรรมชาติ และการลดปริมาณของเสียจากอาคาร
 

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

อาคารอัจริยะ โครงการ เดอะ ปาร์ค พระราม 4 

เดอะ ปาร์ค คือโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารงานโดยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์แห่งแรกของไทยที่ใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะและเทคโนโลยี IoT ในระบบแสงสว่างในสำนักงาน มีการติดตั้งหลอดไฟอัลตราไวโอเลตเพื่อฆ่าเชื้อโรค (UVGI) ในระบบปรับอากาศ และวางระบบการจัดการของเสียครบวงจรสำหรับขยะทั้งหมดในอาคาร นอกจากนั้น ยังเป็นโครงการอาคารเชิงพาณิชย์ที่ใช้ระบบทำความเย็นในอาคารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีจำนวนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มอาคารสำนักงานมากที่สุดในประเทศไทย

 

ด้วยหลักการออกแบบอย่างยั่งยืนที่ใช้ในพื้นที่ทั่วทั้งอาคารกว่า 130,000 ตร.ม. เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างสำนักงานอัจฉริยะ พื้นที่ค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ และการบริหารจัดการด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อม โดยยึดเกณฑ์การประเมินเพื่อการรับรองมาตรฐาน LEED ทั้ง 7 ด้าน เป็นหลักในการบริหารจัดการอาคารและดำเนินงาน


7 จุดเด่นโครงการเดอะปาร์ค เปิดทางอาคารสีเขียวระดับโลก 

 

  • ทำเลและการเดินทาง

ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการที่ตอบสนองรูปแบบการใช้งานอย่างหลากหลายโดยไม่รบกวนพื้นที่ใดใดที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สะดวกต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ขณะเดียวกันก็ให้ทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายและส่งเสริมการใช้พาหนะส่วนบุคคลในรูปแบบที่ยั่งยืน ด้วยบริการอย่างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จอดรถจักรยานและห้องอาบน้ำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เลือกเดินทางด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับโลกด้วย

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

  • ผังบริเวณที่ยั่งยืน 

ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน แหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสภาพแวดล้อมของเมืองในภาพรวม  เดอะ ปาร์ค ประกอบด้วยพื้นที่โล่งแจ้งและพื้นที่สีเขียวอันกว้างขวาง เอื้อต่อการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แวดล้อมด้วยต้นไม้มากมายเพื่อให้ร่มเงา และการตกแต่งด้วยน้ำ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมกลางแจ้งที่เย็นสบาย การปูผิวทางและหลังคาด้วยวัสดุสีอ่อนช่วยบรรเทาความร้อนของอุณหภูมิอากาศในเมือง นอกจากนั้นยังมีการลดการเปิดไฟ เพื่อลดมลพิษทางแสงบนท้องฟ้าและบริเวณโดยรอบโครงการด้วย

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

  • การจัดการน้ำ 

เดอะ ปาร์ค ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการใช้ทรัพยากรและมลภาวะจากการผลิตและการบำบัดน้ำ ติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำในอาคารที่ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 40% ส่วนการใช้น้ำภายนอกอาคารจะใช้ประโยชน์จากน้ำเสียที่บำบัดและนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้ด้วยระบบน้ำหยดเพื่อลดการใช้น้ำเกินความจำเป็น พร้อมติดตั้งระบบแยกมิเตอร์น้ำเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว และสามารถติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำในอาคารระหว่างช่วงเวลาทำการ

 

  • การใช้พลังงานและสภาพแวดล้อม 

เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดอะ ปาร์ค มุ่งส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น กระจกกันความร้อนที่ส่วนหน้าอาคารเพื่อลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ถึง 75% และใช้ผนังอาคารกันความร้อน ระบบทำความเย็นประสิทธิภาพสูงที่ 0.56 kW/RT และพัดลมสมรรถนะสูงชนิด Electronically Commutated ในระบบจ่ายลมเย็น ระบบควบคุมแสงแบบไฮเทคติดตั้งเซ็นเซอร์และ Internet of Thing (IoT) ซึ่งสามารถปรับระดับความสว่างแสงไฟได้อัตโนมัติเมื่อมีแสงธรรมชาติเพียงพอและปิดไฟเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง โดยทั้งหมดควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

  • วัสดุและทรัพยากร

วัสดุก่อสร้างที่ใช้ในเดอะ ปาร์ค ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการเปิดเผยข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อมูลส่วนผสมรีไซเคิล ข้อมูลการปล่อยสารพิษ และผลกระทบต่อระบบนิเวศตลอดวงจรการใช้งาน การจัดการของเสียใช้กระบวนการคัดแยกของเสียที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ใช้นวัตกรรมระบบการหมักเศษอาหารที่สามารถเปลี่ยนขยะอาหารเป็นปุ๋ยหมักภายใน 24 ชั่วโมงด้วยความร้อนและตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ และมีเครื่องบดอัดขยะที่สามารถลดขนาดของขยะและแยกของเหลวออกเพื่อการจัดการขยะที่ถูกสุขอนามัยและสะดวกต่อการขนส่งของเทศบาลด้วย

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

  • คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร 

ภายในโครงการเดอะ ปาร์ค มีคุณภาพอากาศที่ดี ด้วยปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่วัดค่าได้สูงกว่าค่ามาตรฐานสากลถึง 30%  มีการตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับการไหลเวียนของอากาศและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กระจกหน้าต่างขนาดใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาในพื้นที่ได้ถึง 40% พร้อมกรองความร้อนจากแสงอาทิตย์ ผังอาคารแบบเปิดโล่งช่วยให้ผู้เช่าสามารถจัดการพื้นที่ใช้สอยในสำนักงานให้เปิดรับวิวภายนอกได้จากทุกมุม

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

การใช้นวัตกรรม 

เดอะ ปาร์คเลือกใช้นวัตกรรมในการออกแบบและปฏิบัติการขั้นสูงที่เหนือกว่าที่มาตรฐาน LEED กำหนดไว้   ระบบติดตามการเดินทางเข้าออกในอาคารสามารถตรวจสอบจำนวนที่จอดรถ นับจำนวนผู้เข้ามาทำงานและผู้ใช้บริการในอาคาร และตรวจสอบรูปแบบการใช้ยานพาหนะในการเดินทางพร้อมความถี่ในการเข้าออกอาคารและรายละเอียดต่าง ๆ หรือแม้แต่ปุ๋ยชีวภาพที่ได้จากเครื่องหมักเศษอาหารในอาคารสามารถใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีในการดูแลต้นไม้ที่ปลูกในโครงการ ซึ่งจะช่วยลดการปนเปื้อนของสารเคมีในดินและน้ำ เพื่อสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้อาคารทุกคน

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

และด้วยมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 โครงการเดอะปาร์คได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีไร้สัมผัสต่าง ๆ มาใช้ เช่นระบบชำระเงินด้วยรหัส QR เครื่องแลกเปลี่ยนบัตรเข้าออกอาคารอัตโนมัติ รวมทั้งมาตรการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานภายในอาคารสำหรับทั้งผู้เช่าและผู้เข้ามาใช้บริการ

 

ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมในอาคารที่ดีต่อสุขภาพจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อผู้คนกำลังเตรียมตัวกลับเข้าสู่สถานที่ทำงานและใช้ชีวิตในพื้นที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เราคาดการณ์ว่าในอนาคต จะมีความต้องการสถานที่ทำงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ซึ่งส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและความอยู่ดีมีสุขของผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ เดอะ ปาร์ค ในฐานะอาคารมิกซ์ยูสแบบครบวงจรที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงผู้คนเป็นศูนย์กลางและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะต้อนรับการกลับมาของวิถีการใช้ชีวิตคนทำงานในเมืองและชุมชน

 

7 จุดเด่น ดัน " เดอะ ปาร์ค"  ขึ้นแท่น มิกซ์ยูส สีเขียวมาตรฐานระดับโลก

ดร.อรรจน์ เศรษฐบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท แอฟริคัส จำกัด ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอาคารสีเขียวของโครงการ เดอะ ปาร์ค กล่าวถึงเทรนด์โลกด้านการพัฒนาอาคารที่ยั่งยืนว่า “ด้วยผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การก่อสร้างอาคารในปัจจุบันจำเป็นต้องคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คน การกำหนดมาตรฐานการออกแบบพัฒนาอาคารต่าง ๆ เช่น LEED และ WELL จึงเป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่โลกกำลังแสวงหาความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พื้นฐานของอาคารเขียวในอนาคตคือคุณภาพการใช้งานและอยู่อาศัยที่สูงขึ้น แต่ต้องสร้างภาระการปล่อยของเสียให้น้อยลง ทั้งนี้ จากผลการวิจัยของโจนส์ แลง ลาซาลล์ ได้ชี้ถึงแนวโน้มสำคัญที่เกิดขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น การลดการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์กำลังกลายเป็นกระแสหลักของโลก ผู้ครอบครองอสังหาฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความต้องการอาคารที่ได้รับการมาตรฐานด้านความยั่งยืน และผู้ครอบครองอสังหาฯ และเจ้าของอสังหาฯ ต่างเริ่มตระหนักถึงการร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ 

 

จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ซึ่งเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ก็มีเจตนารมย์และจุดยืนที่สอดคล้องกับรัฐบาลไทย ด้วยการประกาศความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon) ให้สำเร็จภายในปี 2050 เช่นกัน