เศรษฐีกัมพูชา- อินเดีย ติด TOP 10 โอนคอนโดฯไทย

19 พ.ค. 2565 | 02:25 น.

REIC เผย ชาวกัมพูชา ติด TOP 10 ถือครองคอนโดฯ ไทยเป็นครั้งแรก รั้งอันดับ 3 โอนกรรมสิทธิ์ร่วมกว่า 400 ล้านบาท ในไตรมาสแรก ปี 2565 ขณะชาวอินเดีย รั้งอันดับ 9 ของตาราง ซื้อ-โอนฯ 270 ล้านบาท

19 พฤษภาคม 2565 - ตลาดชาวต่างชาติ ถือเป็นสัดส่วนสำคัญในการซื้อขายคอนโดมิเนียมไทย ล่าสุดหลังสถานการณ์โควิด19 เกิดการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนผู้ซื้อขาย โดยเฉพาะการเข้ามามีบทบาทสำคัญของชาว CLMV (ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า) รวมถึง ชาวอินเดีย ต่อตลาดอสังหาฯไทยอย่างน่าสนใจ

เศรษฐีกัมพูชา- อินเดีย ติด TOP 10  โอนคอนโดฯไทย

ทั้งนี้ ดร. วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ในรายงาน สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 1/2565 ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของของคนต่างชาติ ช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม (อาคารชุด) ของคนต่างชาติทั่วประเทศ จำนวน 2,107 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 10,262 ล้านบาท โดยผู้ซื้อสัญชาติจีนมีการโอนกรรสิทธิ์สูงสุดทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 949 หน่วย มูลค่า 4,570 ล้านบาท สำดับ 2 คือรัสเซีย จำนวน 134 หน่วย มูลค่า 435 ล้านบาท ลำดับ 3 สหรัฐอเมริกา จำนวน 114 หน่วย มูลค่า 344 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในแง่มูลค่าการโอนฯ พบว่า มีจุดที่น่าสนใจ คือ สัดส่วนของผู้ซื้อชาวกัมพูชา และ อินเดีย ซึ่งโผล่เข้ามาอยู่ในกลุ่มชาติที่มีการโอนฯสูงสุด 10 อันดับแรกดังนี้ 

 

TOP 10 ชาวต่างชาติ ซื้อคอนโดฯไทยมูลค่าสูงสุด

เศรษฐีกัมพูชา- อินเดีย ติด TOP 10  โอนคอนโดฯไทย

TOP 10 ชาวต่างชาติ ซื้อคอนโดฯไทยจำนวนสูงสุด

เศรษฐีกัมพูชา- อินเดีย ติด TOP 10  โอนคอนโดฯไทย

ทั้งนี้ ดร.วิชัย ระบุว่า ผู้ซื้อชาวต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมไทย ซึ่งเป็นสัดส่วนราว 20% ของตลาดในแต่ละปี ยังคงน่ากังวล หากสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซีย -ยูเครน  เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากสัญชาติต่างๆที่เป็นผู้ซื้อหลัก ต่างมีความเกี่ยวพันกับวงล้อสงครามทั้งสิ้น เช่น  เยอรมัน ฝรั่งเศล อเมริกา  ขณะรัสเซียผู้ซื้ออันดับ 2 ของไทย ถูกคว่ำบาตรในการใช้บัตรเครดิต  รวมถึงประเทศจีน ผู้ซื้ออันดับ 1 ยังมีนโยบายการปิดประเทศอย่างเข้มงวด คาดหากตลาดจีนยังไม่กลับมา อาจกระทบต่อภาวะตลาดคอนโดฯไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

" กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เป็นกำลังซื้ออาคารชุดยังคงเข้ามาในประเทศน้อยจากผลกระทบของ COVID-19 และสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียทำให้ความต้องการซื้ออาคารชุดในภาพรวมฟื้นช้า "

 

ที่มา : REIC