ในปี 2565 กำลังจะผ่านไป ภาคธุรกิจและประชาชนเริ่มปรับตัวเข้าสู่การใช้ชีวิตแบบ Next Normal เศรษฐกิจและการค้าเริ่มกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกก็ยังมีทั้งความเสี่ยงและโอกาสที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ โดยในส่วนของความเสี่ยงหลัก ๆ มาจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจสำคัญอย่างสหรัฐฯ และยุโรป ที่อาจรุนแรงถึงขั้นถดถอย ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการเงินของผู้ประกอบการ ซึ่งส่งผลต่อภาคการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกัน โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจก็ยังมีอยู่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในตลาดใหม่ ๆ ที่ยังมีศักยภาพจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความต้องการซื้อสินค้าไทย อาทิ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตะวันออกกลาง ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกปี 2565 การส่งออกไทยไปตลาดดังกล่าวเติบโตกว่า 15% และ 26% ตามลำดับ โดยสินค้าไทยที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอยู่อีกมาก อาทิ อาหาร และสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกในปี 2566 อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการเงินของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจและ SMEs อาจได้รับผลกระทบมากกว่า ในขณะที่โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในตลาดโลกก็ยังมีอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องทำคือ การปรับตัวและปรับแผนธุรกิจ รุกตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ปรับไลน์การผลิตและวางแผนการตลาดตามกระแสที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ อาทิ การรักษ์โลกและดูแลสุขภาพ ซึ่ง EXIM BANK พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทางการเงินอย่างครบวงจร เพื่อให้บุคคลธรรมดาสามารถเริ่มต้นธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลกได้
นอกจากนี้ EXIM BANK ร่วมกับสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้จัดทํามาตรการของขวัญเพื่อส่งมอบความสุขต้อนรับปีกระต่ายให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก ทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยและ Rebate เงินคืน
กล่องของขวัญที่ 1 สินเชื่อพลิกฟื้นธุรกิจส่งออก เพื่อบุคคลทำธุรกิจ และ SMEs
EXIM BANK ให้ “อัตราดอกเบี้ย” 4.34% ต่อปีถึงไม่เกิน 6.60% ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้คนตัวเล็กกล้ามีความกล้าและความพร้อมที่จะเริ่มต้นธุรกิจ คือ
ครั้งแรกของการปลดล็อกให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถกู้ EXIM BANK ได้ โดยได้รับเงินทุนเริ่มต้นธุรกิจสูงสุด 5 แสนบาท เมื่อมียอดขายและจ่ายดี EXIM เพิ่มทุนให้อีกสูงสุดรวม 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 6.60% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่ม Startup และ SMEs มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับเริ่มต้นส่งออกได้ วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4.34% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ผลิตภัณฑ์เพื่อ SMEs ที่ต้องการเริ่มต้นหรือขยายตลาดส่งออก เป็นเงินทุนหมุนเวียนพร้อมความคุ้มครองกรณีผู้ซื้อในต่างประเทศไม่ชำระเงินค่าสินค้า วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 5.09% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
กล่องของขวัญที่ 2 มาตรการแก้หนี้รับปีกระต่าย ตัดต้นก่อนดอก ยืดหนี้
สำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนของ EXIM BANK ธนาคารขยายเวลาชำระหนี้ ร่วมกับการตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย รวมทั้งคืนเงิน 2% ของดอกเบี้ยจ่ายสะสม หากชำระหนี้เป็นปกติ เพื่อช่วยลดภาระและต้นทุนทางการเงินให้แก่ลูกหนี้ และแก้ไขปัญหาหนี้ของลูกค้าอย่างยั่งยืน
“EXIM BANK ขอส่งความสุขให้แก่ภาคธุรกิจ ด้วยแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ ประกอบด้วยสินเชื่อพลิกฟื้นธุรกิจส่งออก อัตราดอกเบี้ยพิเศษ และพิเศษในปีนี้ ธนาคารมีสินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจให้พร้อมเริ่มต้นส่งออกได้ และมาตรการแก้หนี้ ตัดต้นก่อนดอก ยืดหนี้ พร้อมคืนเงิน 2% หากชำระเป็นปกติ เพื่อให้ภาคธุรกิจมีขวัญกำลังใจและสภาพคล่อง รับโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจในปีหน้าได้” ดร.รักษ์ กล่าว
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าโลกในปีหน้า ผู้ประกอบการส่งออกโดยเฉพาะ “คนตัวเล็ก” ยังคงต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากหลายทาง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถออกไปเติบโตในเวทีการค้าโลก เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป ของขวัญจาก EXIM BANK จึงมอบให้แก่ภาคธุรกิจในปี 2566 ด้วยความ “กล้า” ที่จะปลดล็อกให้บุคคลธรรมดาสามารถกู้ได้เป็นครั้งแรก เติมเต็มความสุขให้กับ “คนตัวเล็กที่มีฝัน” ได้ออกไปโลดแล่นในตลาดต่างประเทศที่กว้างขึ้นและกำลังซื้อมากขึ้น รวมไปถึงมาตรการแก้หนี้ที่ช่วยขยายเวลาการชำระเพื่อแบ่งเบาต้นทุนทางการเงินให้กับลูกหนี้ เหล่านี้เพื่อสร้างความสุขให้กับผู้ประกอบการไทยในปี 2566 สอดคล้องกับความตั้งใจที่จะเดินหน้าพัฒนาภาคการส่งออกภายใต้บทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย” ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” ของ EXIM BANK