Backlink คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO

15 พ.ย. 2565 | 05:30 น.

SEO เป็นกระบวนการที่จะเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพเข้าสู่เว็บไซต์ มุ่งเน้นจะให้เว็บไซต์ของตน อยู่อันดับต้นๆ ของ Search เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเห็นมากขึ้น เป็นช่องทางที่หลายบริษัทใช้ในการนำเสนอสินค้า

เว็บไซต์ เป็นช่องทางที่หลายบริษัทใช้ในการนำเสนอสินค้า บริการ ไปจนถึงนำเสนอเเบรนด์ของตนเอง ดังนั้นการทำเว็บไซต์ จึงมีเป้าหมายให้คนจำนวนมากเข้าไปดูเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งวิธีการที่ใช้ได้ คือ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกระบวนการที่จะเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพเข้าสู่เว็บไซต์ ซึ่งมุ่งเน้นจะให้เว็บไซต์ของตน อยู่อันดับต้นๆของ Search Engine เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเห็นมากขึ้น

 

จะเห็นว่า SEO มีประโยชน์มาก สำหรับคนที่ทำเว็บไซต์ และต้องการให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น เพิ่มโอกาสที่จะขายสินค้า หรือบริการของตนเองได้ ในการทำ SEO มีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกหลายข้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเรียกว่า Backlink Backlink คืออะไร และสำคัญอย่างไร วันนี้ Nerd Optimize จะมาเเนะนำให้คุณรู้เอง

  Backlink คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO
 

Backlink คืออะไร

การทำ Backlink เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการทำ SEO แบบ Off page โดยเว็บไซต์อื่นๆที่มีการส่งลิงก์มายังเว็บไซต์หลัก สิ่งนี้จะเรียกว่า Backlink ยิ่งถ้ามี Backlink จำนวนมากเท่าไหร่ ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบนๆ ของการเเสดงผลใน Search Engine ยอดนิยมอย่าง Google

 

Backlink มีความสำคัญอย่างไร

Backlink เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ SEO ทำงานได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น โดยความสำคัญของ Backlink สามารถสรุปไปได้ ดังนี้

1. การสร้าง Backlink จะช่วยให้ Google เข้าใจในเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้น

หากเว็บไซต์ได้รับการอ้างอิงจากเว็บไซต์ หรือได้ Backlink อื่น อย่างมีคุณภาพ ก็จะช่วยทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพได้เร็วขึ้น เเต่จำนวนคำของบทความก็ต้องมีมากพอให้ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูล เพื่อไปทำการจัดอันดับต่อด้วย

 

แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนบทความในเว็บไซต์ของคุณด้วยว่ามีมากพอให้ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อทำการเรียนรู้และทำการจัดอันดับได้หรือไม่ด้วยนะครับ

 

2. การทำ Backlink จะช่วยให้เว็บไซต์ผ่านเกณฑ์ E-A-T Factor

E-A-T Factor หรือ Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness เป็นเกณฑ์ที่ Google ใช้ในการวัดคุณภาพคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ว่ามีข้อมูลน่าเชื่อถือไหม มีความเชี่ยวชาญในเนื้อหานั้นๆหรือเปล่าสามารถชักจูงให้คนสนใจ และเชื่อในเนื้อหาได้ไหมว่าคุณมีความเชี่ยวชาญ มีอิทธิพลและมีความน่าเชื่อ ในเรื่องที่กำลังสื่อสารอยู่แค่ไหน

 

ซึ่งการได้รับ Backlink ที่ดีและมีคุณภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ผ่านเกณฑ์ E-A-T Factor ได้ง่ายขึ้นด้วย

 

3. การทำ Backlink มีผลต่อการจัดอันดับ (Ranking) ในด้าน SEO โดยตรง

จากที่กล่าวไว้ข้างต้น Backlink มีผลต่อการจัดอันดับ SEO จำนวน และคุณภาพของ Backlink จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับสูงๆบน Google

 

4. ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์

การใส่ Backlink ลงเว็บไซต์ ลงบทความที่มีความ relate กับเว็บไซต์ปลายทางของเรา จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ หรือ Organic Traffic ได้ คนที่เข้ามาอ่านบทความ ย่อมมีความสนใจในหัวข้อนั้น หากเราป้อนสินค้า หรือบริการที่ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านบทความ ก็มีความเป็นไปได้ ที่คนจะเข้าเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น

 

ความสำคัญของ Backlink ต่อ SEO  

ประเภทของ Backlink

Backlink สามารถ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  1. Natural-Editorial : เป็น Backlink ที่ได้มาด้วยวิธีธรรมชาติ คือ การได้รับอ้างอิงจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้าเว็บไซต์ของเราทำได้ดี น่าสนใจ ก็จะมีเว็บไซต์อื่นๆ อ้างอิงถึงเว็บไซต์ของเรา ซึ่งถือได้ว่า เป็น Backlink ที่ดีมาก
  2. Manual Link Building : เป็นวิธีการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Outreach Content จากการนำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไปกระจายตามเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ซึ่ง Backlink จากเว็บไซต์ขนาดใหญ่ เช่น เว็บไซต์ข่าวต่างๆ เป็นต้น
  3. Non-Editorial : เป็นการทำ Backlink ที่ง่ายที่สุด เพราะเป็นวิธีการที่เรียกกันว่า Spam Backlinks หรือการนำ Backlink ไปแปะไว้ในเว็บไซต์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะทำได้ง่าย เเต่ไม่ได้ประสิทธิภาพต่อการทำ SEO เท่าที่ควร เเละต้องใช้ปริมาณ Backlink จำนวนมาก นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการถูกตรวจจาก Google ว่าเป็น Spam อาจถูกลดอันดับได้

 

จะหาและสร้าง Backlink ที่ดีได้จากที่ไหน ?
Backlink ที่ดี เราควรเลือกจากเว็บไซต์ที่มีความ relate กับ เว็บไซต์ของเรา หรือการเเทรก Backlink ลงในบทความตามเว็บไซต์ช่องทางต่างๆ ก็ควรเป็นทบความที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเราด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Google จะใช้ประเมิน เพื่อดูว่า เว็บไซต์ของเราจะติดอันดับต้นๆในการเเสดงผลได้หรือไม่

 

โดยเราควรมีเว็บไซต์ ช่องทางต่างๆ ให้เลือกลงใส่ Backlink โดยต้องจำไว้เสมอว่า Backlink ต้อง relate กับเว็บไซต์ต้นทาง โดยนอกจากการหาด้วยช่องทางที่มีเเล้ว ซึ่งอาจจะมีปริมาณที่จำกัด เรายังสามารถหาช่องทาง Backlink ที่ดีได้จากเว็บไซต์คู่เเข่งของเรา

 

เทคนิคการหา Backlink จากคู่แข่ง

การหา backlink ของคู่เเข่ง มีประโยชน์มาก เราสามารถดูได้ว่าคู่เเข่งมีช่องทางการใส่ Backlink ทางไหนบ้าง ที่เราอาจจะมองข้ามไป ทำให้เรามีช่องทางในการหาที่วาง Backlink ได้มากขึ้น โดยวิธีการที่เราจะหาว่าเว็บไซต์นี้มี Backlink ทางไหนบ้าง สามารถเช็คได้ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของเรา หรือเว็บไซต์คู่เเข่ง ซึ่งเทคนิคที่สามารถใช้ได้ คือ การหาข้อมูลผ่าน Application ที่ให้บริการในด้านนี้

 

โดยโปรเเกรมที่สามารถใช้ตรวจสอบ Backlink ของเว็บไซต์ต่างๆ ที่คนทำ SEO ต้องรู้จักไว้ เราก็ได้รวบรวมมาให้เเล้ว มีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

 

Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่คนทำ SEO รู้จัก และนิยมมาใช้กัน ไม่ว่จะใช้แกะ Backlink และการวิเคราะห์อันดับของคู่แข่ง และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้ ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลมาเทียบกัoแบบ Apple to apple ได้เลย เพื่อให้เห็นข้อเเตกต่างที่ชัดเจน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการใช้วางกลยุทธ์ เเต่มีราคาที่ค่อนข้างสูง จึงอาจจะเหมาะกับคนทำ SEO มืออาชีพ และองค์กรใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทุนทรัพย์

 

โดย Feature ต่าง ที่ Aherfs สามารถทำได้ จะมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

  1. Site Explorer (วิเคราะห์เว็บไซต์)
  2. Keyword Explorer (วิเคราะห์คีย์เวิร์ด)
  3. Site Audit (ตรวจสุขภาพเว็บไซต์)
  4. Rank Tracker (ติดตามการจัดอันดับ)
  5. Content Explorer (วิเคราะห์และออกแบบเนื้อหา)

 

  ตัวอย่างการเช็ค Backlink ด้วย Ahrefs

 

Ubersuggest

Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการแกะ Backlink และใช้เพื่อการทำวิเคราะห์ keywords ที่เราใช้เป็นหลัก เพื่อใช้เป็นเเนวทางในการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ใครที่เน้นไปทางการใช้ keyword เราเเนะนำให้ใช้ตัวนี้ เพราะสามารถใช้ค้นหา Longtail Keyword ได้เยอะมาก Ubersuggest มีราคาไม่เเพง เเละเหมาะสำหรับมือใหม่

 

โดย Feature ต่าง ที่ Ubersugges สามารถทำได้ จะมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

  1. วิเคราะห์ keyword
  2. วิเคราะห์เว็บไซต์
  3. วิเคราะห์องค์ประกอบอื่นๆของ SEO


ตัวอย่างการเช็ค Backlink ด้วย Urbensuggest  

 

Majestic

Majestic เป็นอีกเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยมักใช้ร่วมกันกับ Ahref ได้ โดยฟังก์ชันของ Majestic มีความใกล้เคียงกับ Ahref เเต่เเตกต่างกันที่ Ahfef ต้องจ่ายเงิน และมีราคาที่ค่อนข้างสูง 
ในขณะที่ Majestic ไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก็สามารถใช้ได้ โดยสามารถใช้ฟรีได้ตามจำนวนครั้ง ลิมิตต่อวัน นอกจากนี้ Majestic ยังสามารถใช้ตรวจ Domain เพื่อนำมาทำ PBN ได้

 
ตัวอย่างการเช็ค Backlink ด้วย Majestic


SEMRush

เป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์อีกตัวเลยก็ว่าได้ครับ เพราะ SEMRush สามารถใช้ได้ทั้ง วิเคราะห์ keywords, เช็ค On-Page, ติดตามอันดับเเสดงผลของเว็บไซต์ และแน่นอนว่าใช้ทำ Backlink Analytics ได้ด้วยเช่นกัน โดย SEMRush สามารถรวบรวม นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้เข้าใจง่าย และเปรียบเทียบกับเว็บไซต์คู่เเข่งได้

 

รูปแบบการทำ Backlink

การใส่ Backlink ลงตามเว็บไซต์ ไม่ใช่เเค่การวางลิงก์ลงบทความอย่างเดียวเท่านั้น เเต่ยังมี Backlink รูปเเบบอื่นๆอีก โดยมีอยู่ทั้งหมด ดังนี้

 

Domain Link

Domain Link คือ วิธีการสร้าง Backlink ด้วย Domain Name ของเว็บไซต์ หรือ URL ของเว็บไซต์ โดยนำลิงก์เว็บไซต์ที่เราต้องการอ้างอิงมาใส่ในบทความ ตัวอย่างเช่น ขอบคุณข้อมูลจาก https://nerdoptimize.com

 

Anchor Text Link

Anchor Text Link เป็นรูปแบบการทำ Backlink ผสมกับการใช้ Keyword คือ การใส่ Backlink ใน Keyword หรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ และควรเป็น Keyword ที่มียอดการ search สูง เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้

 

Image Link

Image Link เป็นวิธีการทำ Backlink จากรูปภาพ โดยการนำ URL ของเว็บไซต์ไปติดตาม Banner ต่างๆ หรือรูปภาพในเว็บไซต์ขอบคุณ

 

Dofollow Link

ลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นๆ ทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ สร้างประโยชน์ทางด้าน SEO และมีผลต่อการทำอันดับทันที เนื่องจากเว็บเพจหน้านั้นจะถูก Index เข้าในฐานข้อมูลของ Google จากการที่ Google bots ทำการติดตาม Backlink นั้นกลับไปมาหน้าเว็บไซต์ของคุณ เพื่อหาความเชื่อมโยงของเนื้อหานั่นเอง

 

Nofollow Link

ลิงก์ที่เว็บไซต์อื่นๆ ทำ Backlink กลับมายังเว็บของคุณ แต่ไม่ได้สร้างประโยชน์ด้านการทำ SEO กลับมาให้เท่าที่คสร และที่สำคัญคือ Google bots อาจจะไม่ตามกลับมายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อทำการ Index ข้อมูลด้วยแต่ถึงแม้ Nofollow จะไม่ได้ช่วยในเรื่องของคะแนนที่จะทำให้มีโอกาสติดอันดับได้มากขึ้น แต่ยังคงนำพา Traffic คุณภาพกลับมาให้คุณได้ในทางอ้อมด้วยเช่นกัน

 

วิธีตรวจสอบว่า ลิงก์เป็น DoFollow หรือ NoFollow
เราอาจจะเห็นภาพไม่ชัดว่า Backlink DoFollow กับ NoFollow มีความเเตกต่างกันอย่างไร โดยสามารถตรวจสอบได้ด้วยขั้นตอน ดังนี้

 

1. คลิกขวา กด Inspect ในหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการ

 

ขั้นตอนการตรวจสอบ Backlink ว่าเป็น DoFollow หรือ NoFollow

 

2. หลังจากนั้นคุณจะเห็นโค้ด ให้หาคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับ Dofollow และ Nofollow ดังนี้

 

ขั้นตอนการตรวจสอบ Backlink ว่าเป็น DoFollow หรือ NoFollow


คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับ Dofollow จะปรากฎ ดังนี้

rel=”dofollow” เป็นคำสั่งสร้างลิงก์แบบ Dofollow ใช้ร่วมกับแท็กคำสั่ง เช่น < a href=”https://nerdoptimize.com ” title=” Backlink คืออะไร ” rel=”dofollow” >Backlink คืออะไร< /a>

 

คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับ Nofollow จะปรากฎ ดังนี้

rel=”nofollow” เป็นคำสั่งสร้างลิงก์แบบ Nofollow ใช้ร่วมกับแท็กคำสั่ง เช่น < a href=”https://nerdoptimize.com ” title=” Backlink คืออะไร ” rel=”nofollow” >Backlink คืออะไร< /a>

 

Backlink ที่ดี

Backlink ที่ดี ต้องมากับปริมาณที่มาก และคุณภาพที่ดี ควรนำไปลงเว็บไซต์ หรือบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ปลายทางของเรา เช่น เว็บไซต์ของเราขายคอร์สบำรุงผิวหน้า ก็ควรนำ Backlink ในเว็บไซต์ ที่เกี่ยวกับ ความสวยความงาม หรือบทความที่อาจเเชร์เคล็ดลับการบำรุงผิวหน้า

 

Google ชอบ Backlink แบบไหน?

คำตอบคือ เป็น Backlink ที่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ปลายทางเท่านั้นครับ Google Backlink ที่ดี จริงอยู่ที่ต้องมีปริมาณพอสมควร แต่คุณภาพต้องดีด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ต่อให้คุณพยายามเพิ่มจำนวน Backlink ให้ได้มาก แต่ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ก็ไม่ได้ต่อการทำงานของ Google Algorithm เลยแม้แต่น้อย สู้พยายามทำคอนเทนต์ให้ดี แล้วได้ Backlink ที่มีคุณภาพแค่ลิงก์เดียว ยังช่วยให้คุณมีโอกาสในการทำอันดับได้มากกว่าเป็นไหนๆ 

 

วิธีการสร้าง Backlink

เมื่อเราได้ทำความเข้าใจกับ Backlink มาพอสมควรเเล้ว สำหรับคนที่สนใจอยากใช้ Backlink เพื่อเพิ่มคุณภาพการทำ SEO ของตัวเอง สามารถทำได้ด้วย 2 วิธี ดังนี้

  1. ทำด้วยตัวเอง : สามารถมือใหม่ งบน้อย การทำด้วยตัวเอง เป็นวิธีการเริ่มที่ดี เลือกหาช่องทางในการใส่ Backlink อาจจะเขียนบทความลงเว็บบอร์ดที่เปิดให้ลงฟรี หรือถ้ามี Owned Media ของตัวเองก็สามารถลงได้
  2. ใช้เงินแก้ปัญหา : สำหรับคนที่มีเงินทุน การจ้างผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO จะได้ผลลัพธ์ที่ดี และ ใช้เวลาน้อย คุณสามารถเลือกเว็บไซต์ที่จะให้เครดิต หรือให้ Backlink ได้เองเลย

 

ซึ่งอาจจะใช้วิธีการทำ Sponsorship, PR กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณหรือมีอิทธิพลในกลุ่มคำค้นหานั้นๆ ที่คุณต้องการทำอันดับ เพื่อให้ได้ Backlink ที่มีคุณภาพกลับมา 

 
วิธีการสร้าง Backlink

 

สรุป

การทำ SEO เป็นที่นิยมมาก สำหรับการตลาดออนไลน์ หลายธุรกิจหันมาทำการตลาดทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้มีตลาดการเเข่งขันที่สูง สำหรับคนที่ทำการตลาด ทำช่องทางขายผ่านเว็บไซต์ SEO จะเป็นตัวชี้วัดว่า เว็บไซต์ของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มีคนเข้าไปดูมากหรือเปล่า ดังนั้นเราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO รวมถึงการทำ Backlink ที่มีคุณภาพ

 

รู้จักกับ On Page SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร มาดูกันเลย