นิทรรศการ THE BOOTLEG SHOW มีที่มาจากความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตอาร์ตทอย (Art Toys) ศิลปินได้สังเกตเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผลงานที่ผลิตจากโรงงานกับผลงานต้นแบบของตนเอง ความต่างนี้นำมาสู่ประเด็นสำคัญว่า แก่นแท้ของความเป็นต้นฉบับอยู่ที่ใด
MRKREME (วรกันต์ จงธนพิพัฒน์) ศิลปินเชื้อสายไทย-ฮ่องกง เกิดในปี พ.ศ. 2536 ผสานพื้นฐานด้านการออกแบบอุตสาหกรรมเข้ากับมุมมองทางศิลปะที่มีเอกลักษณ์ เส้นทางศิลปะของเขาเริ่มจากงานอาร์ตทอย ก่อนจะขยายไปสู่งานจิตรกรรมเพื่อแสดงออกทางความคิดทางศิลปะที่หลากหลายมากขึ้น ตัวละครหลักในผลงานของเขาคือ "Mushkin" สัตว์ประหลาดขนฟูที่พัฒนาขึ้นจากความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างกระบวนการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ในการผลิตจำนวนมาก
ข้อจำกัดต่าง ๆ ของโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ ข้อบกพร่องในการออกแบบ หรือข้อจำกัดของวัสดุ ล้วนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและความไม่สมบูรณ์แบบ ความผิดเพี้ยนเหล่านี้กลายเป็นหัวใจสำคัญของนิทรรศการ The Bootleg Show เป็นแรงบันดาลใจให้ MRKREME ตีความใหม่เกี่ยวกับ Mushkin และสัตว์ประหลาดของเขาในรูปแบบที่หลากหลาย งานของเขาตั้งคำถามว่าอะไรคือความเป็นต้นฉบับที่แท้จริง และทำให้เราฉุกคิดเกี่ยวกับวิธีที่เรามองงานศิลปะที่เปลี่ยนรูปแบบไป
ในผลงานชุด "Bootleg official version" MRKREME ท้าทายความคิดแบบเดิม ๆ เกี่ยวกับความเป็นต้นฉบับ เขาเชิญให้คนอื่นๆ มาร่วมสร้าง Mushkin รูปแบบใหม่ตามความทรงจำของแต่ละคน ซึ่งนำไปสู่การออกแบบที่แตกต่างอย่างไม่คาดคิด จากนั้นเขาได้นำแนวคิดเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ให้มีชีวิตโดยใช้ดินน้ำมันเป็นสื่อหลัก ดินน้ำมันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วยสีสันสดใสและความสามารถในการปั้นแต่งได้อย่างอิสระ ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางการสร้างสรรค์อย่างไร้ขอบเขต
ขณะเดียวกันก็เป็นสัญลักษณ์ของความไม่คงทน ด้วยลักษณะที่อ่อนนุ่มและเปลี่ยนรูปได้ง่าย ทำให้ดินน้ำมันเปลี่ยนแปลงรูปทรงอยู่ตลอดเวลาแม้เพียงการสัมผัสเบาๆ คุณสมบัตินี้สะท้อนถึงธรรมชาติของความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่งสิ่งที่ปั้นไว้ตอนนี้อาจเปลี่ยนเป็นอีกรูปทรงหนึ่งในเวลาถัดไป ทำให้ดินน้ำมันเป็นวัสดุที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานศิลปะที่ไม่หยุดนิ่งและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดินน้ำมันเป็นวัสดุแรกที่ MRKREME ใช้สร้างต้นแบบอาร์ตทอยชิ้นแรกของเขา
ครั้งนี้เขากลับมาใช้ดินน้ำมันอีกครั้งเพื่อจงใจเปลี่ยนแปลงรูปทรง แนวคิดนี้ปรากฏในงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพวาด ประติมากรรม และวิดีโออินสตอลเลชัน เขาผสมแนวคิดการล้อเลียนและการนำผลงานมาปรับใช้ใหม่ (parody และ appropriation) ทำให้เส้นแบ่งระหว่างงานต้นฉบับกับงานที่ดัดแปลงใหม่ไม่ชัดเจนอีกต่อไป
นิทรรศการ The Bootleg Show นำเสนอ "โรงงาน" ไม่เพียงในฐานะกระบวนการอุตสาหกรรม แต่เป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์และการแปรเปลี่ยนทางศิลปะ การผลิต Mushkin ผ่านสื่อและขนาดที่หลากหลายแสดงให้เห็นว่า ข้อจำกัดของโรงงานสามารถนำไปสู่ความเป็นไปได้ทางศิลปะที่ไม่คาดคิด ความไม่สมบูรณ์แบบที่เกิดจากการผลิตจำนวนมากไม่ได้ถูกมองว่าเป็นข้อบกพร่อง แต่เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์และการตีความใหม่ นิทรรศการนี้ชวนให้ผู้ชมมอง "ความผิดเพี้ยน" เป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนข้อผิดพลาดและการเลียนแบบให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนางานศิลปะ ผ่านผลงานของ MRKREME ผู้ชมถูกชวนให้ตั้งคำถามถึงความหมายของความเป็นต้นฉบับและความไม่สมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมอย่างอิสระกับจินตนาการของตนเองใน The Bootleg Show
MRKREME (แอนดี้ วรกันต์ จงธนพิพัฒน์)
เกิด ปี พ.ศ. 2536 ปัจจุบันอาศัยและทำงานที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นศิลปินไทย-ฮ่องกงที่หลงใหลในศิลปะตั้งแต่เด็ก ตอนเลือกคณะเข้ามหาวิทยาลัย แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่าศิลปะเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง และกดดันให้เขาเลือกเรียนสายอาชีพ แต่ด้วยความรักในศิลปะ แอนดี้จึงเลือกเรียนการออกแบบอุตสาหกรรม และไปต่อปริญญาโทที่ Pratt Institute ในนิวยอร์ก เพื่อผสานทักษะการออกแบบเข้ากับการแสดงออกทางศิลปะ
ผลงานของเขาสะท้อนการผสมผสานระหว่างโลกจินตนาการกับประสบการณ์ส่วนตัว ผ่านสไตล์ป๊อป-เซอร์เรียลที่สดใส เขาสร้างจักรวาลแฟนตาซีของเหล่ามอนสเตอร์ขนฟู ที่เป็นได้ทั้งตัวแทนเชิงอุปมาและภาพสะท้อนโลกภายในของเขา ตัวละครเหล่านี้ชวนให้เราสำรวจธีมซับซ้อนอย่างการเติบโตของปัจเจก อัตลักษณ์ และการใคร่ครวญถึงการมีอยู่ ความขัดแย้งระหว่างรูปลักษณ์สนุกสนานของมอนสเตอร์กับเนื้อหาที่ลุ่มลึกและบางครั้งหม่นเศร้า สะท้อนให้เห็นว่าแอนดี้เชื่อว่า "ประสบการณ์ส่วนตัว" คือตัวหลอมการมองโลก และชวนให้ผู้ชมทบทวนความขัดแย้งในชีวิตตัวเอง ระหว่างความใสซื่อกับความซับซ้อน หรือความสุขกับความทุกข์
ผลงานของเขาได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งจากการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Birkenstock, Samsung และ The Standard X ที่ช่วยให้เขาเชื่อมศิลปะเข้ากับโลกพาณิชย์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ รวมถึงการแสดงงานทั่วโลกในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และอื่น ๆ โดยนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขา Timeless Muse ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในเส้นทางศิลปะ ปัจจุบันแอนดี้ยังคงท้าทายขอบเขตของศิลปะร่วมสมัย ใช้มอนสเตอร์ขนฟูเป็นทั้งกระจกสะท้อนตัวตนและเครื่องมือสากลเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์ อัตลักษณ์ และประสบการณ์มนุษย์ที่ทุกคนสัมผัสได้