MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

05 ส.ค. 2565 | 10:35 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ส.ค. 2565 | 17:49 น.

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

การไฟฟ้านครหลวง MEA ประกาศยุทธศาสตร์ปี 2566 -2568 ก้าวสู่ความท้าทาย มุ่งสู่อนาคตใหม่ "CHALLENGING THE FUTURE" ภายใต้วิสัยทัศน์ Energy for city life, Energize smart living ขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร 
 

การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ฉลองครบรอบ 64 ปี ชูยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรปี 2566 - 2568 พร้อมเป้าหมายพัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับ Renewable Energy และ EV หวังสร้างความยั่งยืนขององค์กรและมุ่งสู่การเป็น Green Organization พร้อมนำร่องระบบ Smart Metro Grid ควบคุมพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะพื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมือง พัฒนางานบริการสู่ระบบ Fully Digital Service อำนวยความสะดวกประชาชนด้วยนวัตกรรม 
 

นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รับผิดชอบให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และในโอกาสที่ครบรอบ 64 ปี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ทาง MEA จึงได้ประกาศภารกิจที่สำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ Energy for city life, Energize smart living ในการขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ซึ่งแผนงานหลังจากนี้จะก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ตามแนวทาง  "64th MEA CHALLENGING THE FUTURE" ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนระบบพลังงานอัจฉริยะ ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าสูงสุดในทุกมิติ

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

สำหรับทิศทางเป้าหมายขององค์กร แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย 
 
1. ระยะสั้น ปี 2566 - 2568 Strengthen Smart Energy 
ขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรองรับการเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อตอบสนองการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้ารองรับ Renewable Energy และ EV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยกระดับการให้บริการที่เป็น Digital service พร้อมสร้างความยั่งยืนขององค์กรตามแนวทาง Global Reporting Initiative (GRI) ที่สอดคล้องกับองค์การสหประชาชาติ

2. ระยะกลาง ปี 2569 - 2570 Smart Utility 
มุ่งสู่การให้บริการแบบ Convergence เชื่อมต่อบริการกับหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกิจการไฟฟ้า จัดตั้ง Trader Unit และพัฒนา Virtual Utility เพื่อรับการซื้อขายไฟฟ้า เสริมสร้างพนักงานให้มีขีดความสามารถหลากหลาย รองรับยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่จะให้บริการประชาชนต่อไปในอนาคต  พร้อมทั้งมุ่งสู่การเป็น Green Organization 

3. ระยะยาว ปี 2571 - 2580 Sustainable Energy Utility 
มุ่งสู่การให้บริการในรูปแบบ Co-Creation Service เพื่อให้ลูกค้าสามารถดีไซน์รูปแบบบริการของตนเอง เป็นองค์กรต้นแบบด้านนวัตกรรม (Organization of Innovation) สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการจัดตั้งบริษัทในเครือ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็น International Cooperation on Energy Business

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

นายวิลาศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินการตามแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สามารถให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจและสังคมเริ่มมีทิศทางที่คลี่คลายมากขึ้น MEA จึงได้ดำเนินนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้า Energy For City Life โดยแบ่งออกเป็นการพัฒนาด้านต่างๆได้แก่ 
 

การพัฒนาระบบไฟฟ้า
ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินโครงการ Smart Metro Grid ในพื้นที่นำร่อง 9 ตารางกิโลเมตร บริเวณถนนพระราม 4 พญาไท เพชรบุรี และรัชดาภิเษก  มีการติดตั้ง Smart Meter จำนวน 33,265 ชุด เชื่อมโยงการบริหารจัดการด้านต่างๆสามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าได้ผ่านระบบ Online รวมถึงสามารถประมวลผลวิเคราะห์เพื่อการวางแผนขยายหรือปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าได้

โครงการดังกล่าวยังประกอบด้วยการติดตั้งระบบบริหารจัดการที่มีการรับส่งข้อมูลได้แบบสองทาง (Two-Way Communication) สามารถ Monitor และแสดงผลได้ทันที (Real-Time) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ไฟฟ้าในการบริหารจัดการด้านพลังงาน และเป็นเครื่องมือสนับสนุนการวิเคราะห์บริเวณที่เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ เข้าแก้ไขได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วมากขึ้น โดยทั้งหมดมีแผนดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2565 นี้
 
MEA ยังมีโครงการติดตั้งระบบ Micro Grid ภายในพื้นที่อาคารสำนักงานของ MEA เพื่อควบคุมและบริหารจัดการพลังงาน รวมถึงการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานชนิดแบตเตอรี่ (BESS) ร่วมกับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar PV โดยผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การต่อยอดในด้านการวางแผนระบบไฟฟ้าในรูปแบบ Grid Modernization พร้อมช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ ที่เรียกว่า Carbon Neutrality ให้เกิดขึ้นจริงภายในปี 2593 ตามกรอบนโยบายของประเทศ

MEA ยังมีบทบาทในการสนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เช่นเดียวกับ โครงการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับกลุ่มโรงเรียน สถานศึกษา โรงพยาบาล และสูบน้ำเพื่อการเกษตร ที่ยังคงเปิดรับผู้สมัครในพื้นที่ MEA โดยมีเป้าหมายในปี 2565 ที่จำนวน 5 เมกะวัตต์ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการทั้งในกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ และบ้านอยู่อาศัยทั่วไป ยังสามารถใช้บริการ MEA ในการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย​การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV)  ปัจจุบัน MEA ได้ศึกษาวิจัยพัฒนาระบบสถานีอัดประจุไฟฟ้า การเปลี่ยนระบบรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเภท EV และ E-Bus การจัดทำ MEA EV Application สำหรับการชาร์จ และการเข้าถึงข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน ไปจนถึงการส่งมอบ และติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งภายใน และภายนอกองค์กร 

ล่าสุด MEA ได้ดำเนินโครงการ "มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน." ในการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 100 หัวชาร์จในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ EV ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และเป้าหมายภายใน 5 ปีจะติดตั้งหัวชาร์จเพิ่มขึ้นปีละ 100 หัวชาร์จ ขณะเดียวกันได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อรองรับผู้ใช้ EV ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ คาดว่าแอปฯดังกล่าวจะเสร็จภายในปีนี้

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

MEA ครบรอบ 64 ปี ประกาศยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร "CHALLENGING THE FUTURE" 

พัฒนาระบบบริการเป็น Fully Digital Service 
MEA มีแผนดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริการให้เป็น Fully Digital Service ภายในปี 2568 ปัจจุบัน MEA เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผ่านระบบ e-Service ในทุกช่องทาง ตั้งแต่ MEA Smart Life Application เพิ่มฟังก์ชันการแจ้งเตือนไฟฟ้าดับบริเวณกว้างให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับรู้ในรูปแบบรายบุคคล โดยการเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM ที่ MEA ใช้สั่งการแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องในปัจจุบัน เชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS เพื่อระบุขอบเขตพื้นที่ไฟฟ้าดับ ทำให้ลดภาระการติดต่อสอบถามผ่าน MEA Call Center 1130 ได้ รวมถึงการเตรียมพร้อมฟังก์ชันรองรับ Smart Meter ที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูล และบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าได้ในรูปแบบ Real-Time 
 
นอกจากนี้ยังมีโครงการ Virtual District รองรับระบบบริการผู้ใช้ไฟฟ้าผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เช่น รองรับการยืนยัน-ตัวตนออนไลน์ การรับและจัดเก็บเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาระบบจ่ายงาน บันทึกผลการปฏิบัติงาน อนุมัติงานในระบบออนไลน์ผ่าน Smart Devices และจะมีการปรับปรุงช่องทาง MEASY เป็นศูนย์รับบริการให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในจุดเดียว รวมถึงจะมีการเชื่อมโยงช่องทาง MEA Line Connect กับการฟังก์ชันการทำงานของ MEA Smart Life Application และ MEASY เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนได้เข้าถึงบริการของ MEA ได้ง่ายยิ่งขึ้น
 

โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน 
MEA ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการรวมระยะทางทั้งสิ้น 236.1 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2570 โดยปัจจุบัน มีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 174.1 กิโลเมตร โดยในจำนวนนี้จะมีพื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ร่วมกับการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการก่อสร้าง รวมถึงลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนในคราวเดียวกัน
 

การประหยัดพลังงานในกลุ่มผู้ประกอบการต่าง ๆ
MEA มีส่วนช่วยในการให้คำปรึกษาและให้บริการจัดการพลังงานในอาคาร โดย MEA มีธุรกิจบริการออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้า ธุรกิจบริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ธุรกิจบริการยานยนต์ไฟฟ้า EV รวมถึงการจัดตั้งบริษัทในเครือของ MEA ที่ชื่อว่า MEA Smart Energy Solutions หรือ MEAei มุ่งเน้นการให้บริการด้าน Smart Energy ทั้งในด้านการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และลงทุนด้านการบริหารจัดการระบบพลังงานอัจฉริยะแบบครบวงจร
 

นอกเหนือจากการพัฒนาด้านต่างๆที่สำคัญแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา MEA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ดำเนินโครงการนำร่องการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ Carbon Credit โดยมีเป้าหมาย Net Zero Carbon  MEA  
 

การพัฒนาสังคมที่ทำให้องค์กรได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) และยังได้รับรางวัลสุดยอดองค์กรนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย (Best Employers Thailand) ขณะเดียวกันในช่วงโควิด -19 แพร่ระบาด MEA ได้ช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามทุกแห่งในการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังดำเนินนโยบายคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้ไฟฟ้า โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 มีผู้ได้รับเงินแล้วทั้งสิ้น 2,363,893 รายการ คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 6,442 ล้านบาท
 

นายวิลาศ กล่าวทิ้งท้ายว่า MEA มุ่งมั่นในการพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้มีความมั่นคง เพียงพอ ปลอดภัย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านพลังงาน และคิดค้นนวัตกรรมการบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงมีความพร้อมที่จะร่วมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน 
 

"เราจะก้าวไปสู่ปีที่ 65 อย่างมั่นใจและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในการใช้ไฟฟ้า และเราจะให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้าด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป"