“กรณ์”ลุยบางคอแหลม ชาวบ้านขานรับยกเลิกแบล็กลิสต์-แก้หนี้ทั้งระบบ

04 มี.ค. 2566 | 07:05 น.

“กรณ์ จาติกวณิช”พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่บางคอแหลม เผยชาวบ้านขานรับนโยบาย “ยกเลิกแบล็กลิสต์” แก้หนี้ทั้งระบบ

วันที่ 4 มีนาคม 2566 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า  พร้อมด้วย นายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตบางคอแหลม ถ.เจริญกรุง 

นายกรณ์ ได้แนะนำตัวผู้สมัครและสอบถามความเป็นอยู่ของพี่ประชาชน ซึ่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนให้ความสนใจนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะหลายคนก็พบเจอปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายการหาเสียงที่ชัดเจนว่ามุ่งเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่เน้นประชานิยม เนื่องจากมองว่านโยบายประชานิยม เช่น พักหนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการผลักปัญหาออกไปโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร 

                      กรณ์ จาติกวณิช พร้อม ปรัชญา อึ้งรังษี สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะชาวบางคอแหลม

“เราจึงเลือกที่จะนำเสนอนโยบายที่สร้างโอกาสให้ประชาชนปลดหนี้ ลดหนี้  โดยยกตัวอย่างในช่วงวิกฤติโควิด พรรคได้ทำโครงการกล้าปลดหนี้ มีประชาชนมาขอคำปรึกษาว่าเขามีหนี้นอกระบบอยู่ 50,000 และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ เราจึงช่วยหาสถาบันการเงินมาปล่อยกู้ให้ 100,000 บาท เพื่อปลดหนี้นอกระบบที่มี 

และอีก 50,000 บาท เขานำไปวางเงินดาวน์เปิดร้านหมูกระทะ จนปัจจุบันกิจการรุ่งเรือง สามารถปลดหนี้ได้ และหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ เพราะเขาได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้เขาเดินต่อได้”

นายกรณ์ กล่าวว่า วันก่อนได้มีโอกาสคุยกับคนรุ่นใหม่แถวสามย่าน เขาเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน เขาบอกว่า บ้านที่คนส่วนใหญ่สนใจราคาอยู่ประมาณ 2 ล้าน และถ้าคนเจตนาจะมีบ้าน 10 คน แบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้เพียง  2 คนเท่านั้น ในขณะที่อีก 8 คน ก็ยังต้องเช่าบ้านที่ราคาแพงกว่าเงินที่ใช้ผ่อนบ้าน แทนที่จะให้เขากู้เงินแล้วเอาเงินค่าเช่ามาเป็นเงินผ่อน ที่ต้องจ่ายไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา 

                  กรณ์ จาติกวณิช พร้อม ปรัชญา อึ้งรังษี สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะชาวบางคอแหลม

โอกาสการในการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อเทียบกับออสเตรเลีย ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 4%  ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 5% ส่วนต่าง 1%  เช่นเดียวกับมาเลเซีย ถ้าอัตราส่วนต่างไม่เกิน 2% ในขณะที่ประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1% และดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 6% ทำไมส่วนต่างเราสูงกว่ากันมาก แต่บ้านเราไม่มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีคนคิดเชิงโครงสร้าง ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“ชีวิตผมเอง 20 ปี ผมทำธุรกิจมา เหมือนกับ คุณปรัชญา ก็ทำธุรกิจ และไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามในทุกประสบการณ์ ก็เป็นประโยชน์ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจ มีความสำคัญ ที่จะเป็นเส้นแบ่งสำคัญของนักธุรกิจกับนักการเมืองคือ จิตสาธารณะ ความเสียสละ ที่เราต้องปรับตัว เพราะเรามีหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า หรือคนที่เลือกเรา ความเข้าใจตรงนี้ นักธุรกิจมองข้ามไม่ได้ และต้องปรับตัวให้ได้” นายกรณ์ กล่าว 

                       กรณ์ จาติกวณิช พร้อม ปรัชญา อึ้งรังษี สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะชาวบางคอแหลม

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ยังกล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. รูปแบบใหม่ว่า พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อคัดค้านการแบ่งเขตเลือกตั้งรูปแบบที่  6, 7 และ 8 เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีการตีความเกี่ยวกับราษฎรในการแบ่งเขตเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการสรุปการแบ่งเขตเร็วๆ นี้ 

จึงมาหารือกับ กกต. อีกครั้งว่า การแบ่งเขตรูปแบบที่ 1–5 เป็นไปตามขั้นตอนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่รูปแบบที่  6, 7 และ 8 ไม่ได้เป็นไปตามราชกิจจานุเบกษา ขัดต่อมาตรา 5 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 

อีกทั้งการแบ่งเขตรูปแบบที่ 6, 7 และ 8 แบ่งออกมาอย่างพิสดาร โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 27 (1) และ (2) ให้หลักการ 2 เรื่อง คือ ต้องมีความเป็นชุมชนเดียวกัน และคำนึงถึงการเป็นเขตเลือกตั้งเดียวกันมาก่อน 

“ผมคิดว่าดีที่สุดในการพิจารณาว่าจะแบ่งเขตอย่างไรนั้น ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้ความสะดวก อย่าสร้างความสับสนให้เขา ซึ่งตัวกฎหมายเขาเขียนไว้ดีแล้ว ต้องยึดตามรูปแบบของเขตปกครองเท่าที่ทำได้ แล้วก็ยึดตามเขตพื้นที่ที่ประชาชนมีความคุ้นเคย อย่าไปพยายามซอยพยามแบ่งให้ประชาชนเกิดความสับสน”

                         กรณ์ จาติกวณิช พร้อม ปรัชญา อึ้งรังษี สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะชาวบางคอแหลม

ส่วนการแบ่งเขต ส่งผลให้เพิ่มจำนวน ส.ส.ในพื้นที่ ภาคใต้ คือ จ.นครศรีธรรมราช และ ปัตตานี นั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของตัวผู้สมัครของพรรคชาติพัฒนากล้า ลงตัวแล้ว พรรคไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของจำนวน ส.ส. แต่พรรคส่งผู้สมัครที่คุณภาพและมาตรฐาน เข้าเกณฑ์เป็นตัวเลือกที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน 

“เราเน้นเรื่องการนำเสนอนโยบาย ที่เข้าถึงประชาชน เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นหลัก และเราต่างจากพรรคอื่นตรงที่เราจะหาเงินให้ประเทศด้วยยุทธศาสตร์ 7 เฉดสี ที่จะหาเงิน 5 ล้านล้านบาทเข้าประเทศ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ระบุ