KEY
POINTS
จากกรณีกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เปิดปฏิบัติการ Black Mirror TKP ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดและฟอกเงินข้ามชาติ และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาหลายราย หนึ่งในนั้นคือ นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน ซึ่งถูกระบุว่ามีชื่อเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าว
ข้อมูลประวัติการศึกษาระบุว่า นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ประกาศนียบัตรบัณฑิต การประเมินราคาทรัพย์สิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, และปริญญาโท พาณิชยศาสตร์และการบัญชี (สาขาอสังหาริมทรัพย์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ด้านประวัติการทำงาน เคยดำรงตำแหน่ง Project Coordinator บริษัท N.CC.C. Image จำกัด, เคยเป็น Sales Executive งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair, เคยเป็นผู้จัดการฝ่าย Renovate บริษัท บางกอกแอสเซส จำกัด, และเคยเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย REIT บริษัท Innotech Asset Management จำกัด
ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง นายบุญฤทธิ์เคยทำงานเกี่ยวข้องกับฝ่ายนิติบัญญัติหลายตำแหน่ง อาทิ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, เลขานุการคณะกรรมาธิการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา, ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการประกอบธุรกิจสีเขียว, และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า
จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคล พบว่า บุญฤทธิ์มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการในอย่างน้อย 3 บริษัท ได้แก่
จดทะเบียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2550 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรม
บุญฤทธิ์ถือหุ้น 3.04%
งบการเงินปี 2567 ระบุสินทรัพย์รวม 57,870,516 บาท รายได้รวม 128,459,622 บาท และกำไรสุทธิ 6,341,049 บาท
จดทะเบียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2553 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจขายส่งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ปรากฏชื่อ บุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ถือหุ้น 51% และ สุภาภรณ์ ลีเพ็ง สัญชาติลาว ถือหุ้น 49%
งบการเงินปี 2567 มีสินทรัพย์รวม 3,103,902 บาท รายได้รวม 3,187,970 บาท และขาดทุนสุทธิ 37,877 บาท
จดทะเบียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2566 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ประกอบธุรกิจด้านพลังงานและการขนส่ง
มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกับบริษัทเอ็มคอน อินเตอร์เทรด จำกัด
งบการเงินปี 2567 ระบุสินทรัพย์รวม 1,760,526 บาท รายได้รวม 54,552,519 บาท และขาดทุนสุทธิ 1,838,209 บาท
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การออกหมายจับเป็นไปตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินและการฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม
ด้านพรรคประชาชน โดย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ในฐานะผู้รับผิดชอบแคมเปญเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แถลงว่าเมื่อทราบว่าผู้สมัครถูกออกหมายจับ พรรคได้ดำเนินการเปลี่ยนตัวผู้สมัครทันที และแจ้งต่อประชาชนโดยไม่ปกปิดข้อมูล พร้อมยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม”
นายพิจารณ์ระบุด้วยว่า พรรคจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและข้อบังคับการเลือกตั้ง โดยให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามสิทธิ์ พร้อมย้ำว่าพรรคไม่มีนโยบายปกป้องหรือช่วยเหลือผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีอาญา
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางการเงินเพิ่มเติม
หมายเหตุ: ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด