KEY
POINTS
วันนี้ (23 ธ.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยสำคัญในคดีทุจริตการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 โดยมีมติ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้มีคำสั่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมดำเนินคดีอาญา กับบุคคล 3 ราย ซึ่งเป็น “คนกลางในขบวนการฮั้วเลือก สว.”
ทั้ง 3 ราย ได้แก่
1.นายอับดุลเลาะ สือแม
2.นายมะยาลี บาโด
3.นายมูฮัมหมัดมัสรี ฮามิ
ทั้งหมดเป็นบุคคลที่ ไม่ได้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สว. แต่มีบทบาทจัดการ ชี้นำ และ สนับสนุนการทุจริต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 62 และมาตรา 77 (1) รวมถึงเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 226
ขณะเดียวกัน กกต.มีคำสั่ง กันนายซูรียา ดือเระ ผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศ กลุ่ม 7 หมายเลข 26 ไว้เป็น พยาน โดยไม่ดำเนินคดีอาญา
หลักฐานมัดแน่นเงินสดแลกโหวต
คดีนี้สืบเนื่องจากการร้องเรียนว่า ผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศ กลุ่มที่ 7 จำนวน 23 ราย ลงคะแนนให้ผู้สมัครในกลุ่มเดียวกันได้ 0 คะแนน เนื่องจากไม่ลงคะแนนให้ตนเอง เข้าลักษณะ สมยอมกันลงคะแนน อันเป็นการทุจริตเลือกตั้ง
จากการไต่สวน กกต.รับฟังพยานหลักฐานได้ว่า
ผู้ถูกร้องที่ 24 เป็นผู้ชักชวน ผู้ถูกร้องที่ 5 ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง รายได้เพียงเดือนละประมาณ 600 บาท และ ไม่ประสงค์จะสมัคร สว. ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่อำเภอจะแนะ จ.นราธิวาส
โดยรับปากดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่การสมัครจนถึงการเดินทาง
เมื่อผู้ถูกร้องที่ 5 ผ่านเข้ามาเป็นผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศ ผู้ถูกร้องที่ 24 ได้ประสานผู้ถูกร้องที่ 25 และ 26 พาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
มีการ ออกค่าตั๋วเครื่องบินจากนราธิวาส–กรุงเทพฯ และค่าที่พัก ที่โรงแรมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
ทั้งหมดพักห้องเดียวกัน และมีบุคคลนำ เงินสด 10,000 บาท มามอบให้ผู้ถูกร้องที่ 5 เพื่อแลกกับการลงคะแนนตาม โพยหมายเลขผู้สมัคร
กกต.ชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน แบ่งหน้าที่กันชัดเจน มีเป้าหมายเพื่อควบคุมคะแนนเสียงในการเลือก สว.ระดับประเทศ เข้าข่าย จัดทำ–เสนอ–สัญญาให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจการลงคะแนน อันเป็นการทุจริตอย่างร้ายแรง
แยกสอบ 22 ราย ขยายผลขบวนการ
สำหรับผู้ถูกร้องที่เป็นผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศอีก 22 ราย กกต.มีมติ แยกสำนวนสอบสวนเพิ่มเติม โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคณะที่ 4 ส่วนกลาง ดำเนินการให้สิ้นกระแสความ
ศาลรธน.ไต่สวน 6 พยานปม“ภูมิธรรม-ทวี”
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 24 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยาน 6 ปาก ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภายื่นร้อง ขอให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
ประเด็นสำคัญคือ ข้อกล่าวหาว่าทั้งสอง ใช้อำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. ของ กกต. เข้าข่ายกลั่นแกล้ง กดดัน และครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติ อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)
พยานทั้ง 6 ปาก ประกอบด้วย
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.
นายภูมิธรรม เวชยชัย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI
ร.ต.อ.สรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี DSI
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.