“นฤมล” เปิดโรงเรียน 102 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงช่วยประชาชน

10 ธ.ค. 2568 | 04:25 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2568 | 04:36 น.

วิกฤตชายแดนเดือด “นฤมล” รมว.กระทรวงศึกษาฯ สั่งปิด ร.ร.ชายแดนเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง เปลี่ยนเป็นศูนย์พักพิง ในโรงเรียน 102 แห่ง พร้อมส่งเด็กอาชีวะช่วยเหลือ ปชช.ในพื้นที่ เตรียม Fix It Center หลังสถานการณ์คลี่คลาย

KEY

POINTS

  • กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งโรงเรียนในพื้นที่ปลอดภัยจำนวน 102 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับประชาชนที่อพยพจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา
  • มอบหมายให้นักเรียนอาชีวศึกษาเข้าช่วยเหลือประชาชนในศูนย์พักพิงหลายด้าน เช่น การติดตั้งระบบไฟฟ้า การทำอาหาร และดูแลผู้ประสบภัย
  • จากสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้ต้องสั่งปิดสถานศึกษาในพื้นที่เสี่ยงไปแล้ว 1,168 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากร

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม เวลา 10.40 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของสถานศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการต้องสั่งปิดสถานศึกษาเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ขณะเดียวกัน โรงเรียนในพื้นที่ปลอดภัย จำนวน 102 แห่ง ได้ถูกจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง

“นฤมล” เปิดโรงเรียน 102 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงช่วยประชาชน

“ดิฉันได้กำชับทุกหน่วยในสังกัดของกระทรวง ศธ. ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของนักเรียน–ครู–บุคลากร พร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสำรวจความเสียหายของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง แม้ขณะนี้ยังไม่พบรายงานความเสียหายเพิ่ม แต่ทุกพื้นที่ต้องเตรียมแผนรองรับฉุกเฉินไว้ทันที” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

 

 

ศ.ดร.นฤมล ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือพื้นที่ว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)สนับสนุนนักเรียนอาชีวะเข้าร่วมปฏิบัติงานในหลายภารกิจ ทั้ง ติดตั้งระบบไฟฟ้า พัฒนาระบบโรงครัวพระราชทานที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กำลังพลสนับสนุนการจัดส่งยุทธภัณฑ์ของทหาร รวมถึงจัดนักศึกษาช่วยทำอาหารและดูแลประชาชน ภายในศูนย์พักพิง ช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่หน้างานในภาวะวิกฤติ

“นฤมล” เปิดโรงเรียน 102 แห่ง เป็นศูนย์พักพิงช่วยประชาชน

 

 

ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ศธ.จะส่ง ศูนย์ Fix It Center ลงพื้นที่เพื่อช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์การทำมาหากิน เครื่องจักรการเกษตร และครุภัณฑ์ในท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพได้เร็วที่สุด