“นฤมล” แจ้งข่าวดี ดัน “พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ” ผ่าน ครม. สำเร็จ

09 ธ.ค. 2568 | 10:44 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 10:49 น.

ข่าวดี “นฤมล” ดัน “พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ” ผ่าน ครม. สำเร็จ เน้นสิ่งสำคัญคือ จะปรับระบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นตามความต้องการผู้เรียนและเท่าทันโลก

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ 
  • สาระสำคัญของร่างกฎหมายมุ่งเน้นการปรับระบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่น เปลี่ยนบทบาทครูเป็นผู้เอื้ออำนวย (facilitator) และบูรณาการการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพ
  • เป้าหมายหลักของกฎหมายคือการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะตาม 7 ช่วงวัย และยกระดับการศึกษาให้เป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ซึ่งเป็นฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เพื่อนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาในวาระของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

“นฤมล” แจ้งข่าวดี ดัน “พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฯ” ผ่าน ครม. สำเร็จ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับนี้ ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและประชาชน และได้มีการปรับปรุงมาตราต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 7 หมวด และบทเฉพาะกาล รวม 110 มาตรา มีสาระสำคัญรายหมวด ได้แก่ หมวด 1 วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดการศึกษา มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวันและบูรณาการในการทำงาน พร้อมกำหนดรายละเอียดแต่ละช่วงวัยเป็น 7 ช่วงวัย

หมวด 2 สถานศึกษา กำหนดหลักการเรื่องสภาพแวดล้อมทางการศึกษา ความปลอดภัย อุปกรณ์ ครูและบุคลากรที่เพียงพอ ตลอดจนการกำหนดมาตรฐานชั้นต้นของงบประมาณที่เพียงพอต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา หมวด 3 ครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษา โดยกำหนดหน้าที่ของครู ให้เป็นผู้เอื้ออำนวย (facilitator) เพื่อให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะตามช่วงวัย การหล่อหลอมการผลิตครูในรูปแบบสมรรถนะ ตลอดจนระบบการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ครูต่อผลลัพธ์ทางการศึกษาของผู้เรียน

ในส่วนของหมวด 4 การจัดการศึกษา สิ่งสำคัญคือ จะปรับระบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นตามความต้องการผู้เรียนและเท่าทันโลก ปรับให้เป็นไปตามเป้าหมายของผู้เรียน ทั้งการศึกษาเพื่อคุณวุฒิตามระดับ การศึกษาเพื่อการพัฒนาตนเอง การศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งมีระบบเทียบเคียง/เทียบโอนการศึกษา การสะสมหน่วยการเรียน และจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ด้วย เช่นเดียวกับหมวด 5 หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ที่จะต้องเอื้อต่อการจัดการศึกษาแต่ละช่วงวัยให้มีการบูรณาการกัน

ทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานสายสามัญ การศึกษาขั้นพื้นฐานสายอาชีพ โดยเฉพาะสายอาชีพ ที่ต้องจัดการศึกษาให้ตอบสนองภาคแรงงาน พร้อมมีหลักการบริหารจัดการข้อมูลทางการศึกษาขนาดใหญ่ (big data) นอกจากนี้ หมวด 6 แผนการศึกษาแห่งชาติและทรัพยากรเพื่อการศึกษา ที่เกิดจากการสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดทำแผน กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล และหมวด 7 คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ เพื่อยกระดับเรื่องการศึกษา เป็นเรื่องระดับชาติ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า เชื่อมั่นว่าการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ เข้าสู่การพิจารณาในวาระของสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการเดินหน้าปฏิรูปประเทศที่สำคัญด้านการศึกษา ผ่าน พ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับนี้