"ประเสริฐพงษ์"จี้สอบปลัด-นอภ.กระบี่ ปมเรียกเงินแลกปล่อปผู้ต้องหายาเสพติด

14 พ.ย. 2568 | 09:17 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2568 | 09:32 น.

“ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์”สส.พรรคประชาชน เปิดหลักฐานอ้างผู้ต้องหายาเสพติดถูกเรียก 2 แสนแลกอิสรภาพ พาดพิงปลัด-นายอำเภอเมืองกระบี่ จี้ มท.-ตร.-ป.ป.ช. ลุยสอบทันที

KEY

POINTS

  • นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.พรรคประชาชน เรียกร้องให้ตรวจสอบปลัดอำเภอและนายอำเภอเมืองกระบี่ กรณีต้องสงสัยเรียกรับเงิน 2 แสนบาท เพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด
  • การร้องเรียนดังกล่าว มาจากกำนันในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้ส่งมอบหลักฐาน ทั้งคลิปเสียงที่ระบุจำนวนเงิน และภาพถ่ายขณะจับกุมผู้ต้องหา
  • ได้

กรณีการปล่อยตัวผู้ต้องหายาเสพติดในจังหวัดกระบี่ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน หลังมีคลิปเสียงและภาพถ่ายที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงิน “สองแสนบาท” แลกอิสรภาพของผู้ต้องหา 

ล่าสุด นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ออกมาแถลงข่าวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หลังได้รับคำร้องเรียนจากกำนันตำบลกระบี่น้อย นายมะโน เครือแก้ว และ นายธนวัช ภูเก้าล้วน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และส่งหลักฐานให้ตรวจสอบ

นายประเสริฐพงษ์ เล่าย้อนเหตุการณ์ว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดสองสามีภรรยา ก่อนจะถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา จากนั้นฝ่ายภรรยาถูกจับซ้ำอีกครั้งวันที่ 30 สิงหาคม 2568 แต่ก็ได้รับการปล่อยตัวอีก แม้มีประวัติทำผิดซ้ำ

“ในคลิปเสียงซึ่งผู้ร้องเรียนส่งมา มีการพูดถึงตัวเลข 200,000 บาท โดยระบุว่า เกี่ยวข้องกับปลัดอำเภอ และ นายอำเภอเมืองกระบี่ ขณะเดียวกันมีภาพถ่ายตอนผู้ต้องหาถูกใส่กุญแจมือ ซึ่งกำนันมะโนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว พร้อมเสริมว่า มีข้อร้องเรียนเพิ่มเติมว่า ระหว่างการจับกุม สร้อยคอทองคำของผู้ต้องหาหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

นายประเสริฐพงษ์ ย้ำว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในการดำเนินคดียาเสพติด และเข้าข่ายเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่ง กำนันมะโน และ นายธนวัช ได้มอบหลักฐานให้เขานำเรื่องยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้มีการสอบสวนโดยทันที

นายประเสริฐพงษ์ ตั้งคำถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครองในพื้นที่ว่า เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนหรือไม่ พร้อมระบุว่าปัญหาแบบ “จับแล้วปล่อย” ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เฉพาะในกระบี่ แต่อาจเป็นรูปแบบการทุจริตที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

“นี่เป็นเรื่องน่าอับอายของจังหวัดกระบี่ ที่มีสถิติการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดอยู่ท้าย ๆ ของประเทศ ขอให้รัฐบาลจัดการอย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ควรปล่อยให้เงียบหรือถูกตัดตอนจนจบ” สส.ผู้นี้กล่าวทิ้งท้าย